ถ้ายึดตาม Paris Agreement ที่เกือบทุกประเทศในโลกได้ร่วมลงนามเอาไว้ กำหนดเส้นตายของรถที่ปล่อยคาร์บอนทำลายสิ่งแวดล้อมจะสิ้นสุดในปี 2050
.
รัฐบาลหลายประเทศเริ่มกำหนดการแบนรถใช้น้ำมันแล้ว เช่น นอร์เวย์ 2025, เนเธอร์แลนด์ 2025, อินเดีย 2030, สหราชอาณาจักร 2040, ฝรั่งเศส 2040
.
ไม่มีใครสงสัยว่า…ยานยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถใช้น้ำมันจริงหรือไม่ เพียงแต่ยังคาดคะเนกันไม่ค่อยถูกว่าเป็นเมื่อไหร่? ทุกสำนักที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ทุกราย มีการปรับเวลาให้เร็วขึ้นทุกแห่ง
.
แม้ว่ายอดขายรถอีวีจะยังน้อยมากเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนของรถทุกชนิดที่ขายกันทั่วโลก แต่ปี 2018 มีภาพที่จัดเจนแล้วว่า…อนาคตเป็นของยานยนต์ไฟฟ้า และถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของรถไอซีอี
.
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รถอีวีเข้ามาแทนที่เร็วหรือช้า คือ รุ่นที่รถอีวีมีให้เลือก ต้นทุนที่แข่งขันได้ ระยะทางต่อการชาร์จไฟแต่ละครั้ง ความพร้อมของสถานีชาร์จไฟ ความเร็วในการชาร์จ ราคาน้ำมัน ซัพพลายของแบตเตอรี่ เทคโนโลยีใหม่ของแบตเตอรี่ สภาพเศรษฐกิจ การผลักดันรถอีวีในประเทศจีน การแบนรถใช้น้ำมันของประเทศต่างๆ เงินส่งเสริมอีวีจากภาครัฐ ความตื่นตัวของผู้นำ ความพร้อมของโครงข่ายไฟฟ้า การเติบโตของพลังงานสะอาด ราคาค่าไฟที่ลดต่ำลง มาตรฐานระบบชาร์จไฟ ความตื่นตัวของผู้บริโภค รูปแบบไฟแนนซ์ ฯลฯ
.
และมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่เป็นตัวเร่งสำคัญ คือ เทสล่า
.
หากอีลอน มัสต์ ยังสร้างแรงกระตุ้นผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำได้ต่อเนื่อง ผลิตรถได้มากๆไม่ล่าช้า ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุน ก็จะมีส่วนผลักดันให้คู่แข่งทุกรายทั้งในตลาดบนและตลาดล่างต้องเร่งปรับตัวเพื่อแย่งส่วนแบ่งให้ได้มากที่สุด มิฉะนั้นผู้ซื้อรถในอนาคตจะเทไปหา เทสล่า เป็นหลัก
.
แต่ถ้าถามว่าปัจจัยไหนสำคัญที่สุด ต้องสรุปว่าเป็นต้นทุนแบตเตอรี่
.
โทนี่ เซบา อาจารย์จากสแตนฟอร์ด ผู้เขียนหนังสือ Clean Disruption ซึ่งศึกษาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในวงการอย่างสูง ได้แสดงความคิดเห็นว่า…..
.
ราคาแบตเตอรี่ได้ลดต่ำลงทุกปี ทำให้วันนี้มีรถอีวีหลายรุ่นมีต้นทุนสามารถแข่งขันกับรถใช้น้ำมันได้
.
อีกไม่เกินสองปีจากวันนี้ ราคาแบตเตอรี่จะอยู่ในระดับเทียบเท่าหรือต่ำกว่าเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็สามารถผลิตรถอีวีทุกรุ่นด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ารถใช้น้ำมัน และคงไม่มีเหตุผลที่จะใช้รถที่สร้างมลพิษกันอีกต่อไป
.
โทนี เซบา กล่าวย้ำว่า ภายในปี 2025 รถทุกคันที่ออกขายในโลกจะเป็นรถอีวี
.
นับไปก็เพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ด้วยหรือ? สงสัยจริงๆว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร?!?
.
https://cleantechnica.com/2018/05/05/25-factors-that-will-affect-ev-adoption-part-1/
.
https://cleantechnica.com/2018/05/06/25-factors-that-will-affect-ev-adoption-part-2/
.
https://cleantechnica.com/2018/05/06/tony-seba-charts-out-the-disruptive-path-forward-to-evs-and-out-of-the-i-c-e-age/
.