คนอเมริกันคนยุโรปโกรธเคืองเรื่องการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของบริษัทเทคฯ และกำลังจะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน
แต่ในประเทศจีน รัฐบาลกำลังเล่นบทพี่ใหญ่หรือ Big Brother เหมือนในนิยายชื่อดัง 1984 ของ จอร์จ ออร์เวลล์ ที่เผยแพร่ตั้งแต่ปี 1949 ซึ่งรัฐบาลล่วงล้ำควบคุมเข้มงวดพฤติกรรมของประชาชนในประเทศ
เทคโนโลยี AI กำลังทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องจริง!!!
CBS รายงานว่า..รัฐบาลจีนกำลังใช้เทคโนโลยีมอร์นิเตอร์ตรวจสอบพฤติกรรมประชาชนจีน มีการให้คะแนนพลเมืองแต่ละคน คนทำดีได้รางวัล คนทำผิดจะถูกลงโทษ โครงการนี้จะเริ่มใช้ทั่วประเทศตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2018
คอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด ระบบจดจำใบหน้า และแว่นอัจฉริยะ จะถูกนำมาใช้เพื่อให้คะแนนทางสังคมพลเมืองจีน
ประเทศจีนวางแผนว่า ภายในปี 2020 จะสามารถให้คะแนนความประพฤติกับประชาชนทั้งประเทศ 1.4 พันล้านคน
ปัจจุบันประเทศจีนมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ทั่วประเทศประมาณ 176 ล้านตัว และภายในปี 2020 มีแผนจะติดตั้งเพิ่มอีกมากกว่า 600 ล้านตัว
กล้องวิดีโอช่วยตรวจจับค้นหาอาชญากรได้ และในขณะเดียวกันก็ใช้สอดส่องประชาชนปกติทั่วไปได้ด้วย
พฤติกรรมของประชาชนแต่ละคนจะถูกตรวจสอบผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ทั่วประเทศ ข้อมูลจากกล้องถูกป้อนเข้าคอมพิวเตอร์ มี AI ช่วยคัดกรองและบันทึกการกระทำของแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องผิดกฎหมายหรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาสังคม
ตำรวจที่ใส่ Smart Glass และออกตรวจตราอยู่ในย่านชุมชน มีภาพที่มองเห็นผ่านแว่นอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับ AI เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลที่กำลังมองดูอยู่นั้น เป็นคนที่มีปัญหาอะไรหรือไม่ เป็นบุคคลอันตรายหรือเปล่า หากเป็นบุคคลอันตรายหรือน่าสงสัย ตำรวจสามารถเข้าจัดการก่อนที่จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
การให้คะแนนพฤติกรรมของพลเมืองจีนแต่ละคนเป็นเรื่องที่พัฒนาขึ้นมาเพิ่มเติมจากระบบการให้คะแนนเครดิตทางด้านการเงินซึ่งคนจีนจำนวนมากคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
Social Credit Score ของพลเมืองจีนแต่ละคน จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมทางสังคม เช่น คุณจ่ายภาษีตรงเวลาไหม? คุณข้ามถนนบนทางม้าลายหรือไม่? ซื้อสินค้าที่ทำในประเทศจีนใช่ไหม? ซื้อวิดีโอเกมมากไปหรือเปล่า? เคยขากเสลดและน้ำลายในที่สาธารณะไม๊? เคยแซงคิวไหม? ส่งเสียงดังในที่สาธารณะหรือเปล่า?
พลเมืองจีนที่ได้คะแนนทางสังคมสูงๆจากรัฐบาล เช่น คนที่ทำงานเพื่อชุมชน คนที่ซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน ส่วนคนที่ได้คะแนนต่ำ เช่น คนหลอกลวง พวกชอบเลี่ยงการเสียภาษี สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ ไม่ข้ามถนนบนทางม้าลาย
คนที่ได้คะแนนต่ำ จะถูกแบนในกิจกรรมหลายอย่าง เช่น ห้ามซื้อตั๋วเครื่องบินและรถไฟ ห้ามซื้ออสังหาริมทรัพย์ ห้ามซื้อรถ ห้ามใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ไม่ให้กู้เงิน ฯลฯ
ส่วนคนที่ได้คะแนนสูงจะได้รางวัล เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ ส่วนลดในการซื้อพลังงาน มีประวัติดีในเว็บไซท์หาคู่ ฯลฯ
มีตัวอย่างของการใช้ระบบนี้ให้เห็นในประเทศจีนอยู่แล้ว
ใครนิสัยดีข้ามถนนบนทางม้าลายก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนคนทำผิดอาจได้รับใบสั่ง เพราะ AI จดจำใบหน้าของแต่ละคนได้และรู้ว่าคนทำผิดเป็นใคร อย่างในเซียงไฮ้ มีวิดีโอขึ้นจอภาพหน้าคนที่ไม่ข้ามทางม้าลาย เอามาประจานให้เห็นกันเลย
ตำรวจในปักกิ่งบางคนมีแว่นอัจฉริยะที่คล้ายกับ Google Glass ซึ่งช่วยทำให้จดจำใบหน้าของผู้คนที่มองผ่านเลนซ์ได้ เพราะมีการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลระดับชาติของรัฐบาล
ระบบนี้เริ่มมีการใช้จริงแล้ว ในปัจจุบันมีประชาชนจีน 11 ล้านคนถูกแบนไม่ให้เดินทางโดยเครื่องบิน และ 4 ล้านคนไม่ให้ใช้รถไฟ
ถ้าดูตามเนื้อข่าวแล้ว มันดูดีมาก คงทำให้สังคมสงบสุขขึ้นจริงๆ แต่มันคงไม่ได้มีแค่นี้แน่ รัฐบาลจีนยังสามารถใช้เทคโนโลยีในการตรวจจับผู้ต่อต้านได้ด้วย
เริ่มมีนักหนังสือพิมพ์ที่เขียนอะไรแย่ๆกับรัฐบาลโดนบัญชีดำไม่อนุญาตให้จองตั๋วเครื่องบิน ซื้อบ้านไม่ได้ ไม่ยอมให้ลูกๆเข้าโรงเรียนเอกชน
ใครหือขึ้นมา หรืออยากเรียกร้องอะไร คงโดนเล่นงานตั้งแต่เริ่มก่อหวอดเล็กๆ หมดสิทธิ์ท้าทายกับ Big Brother แน่ๆ!!!
https://www.cnet.com/news/china-turns-to-tech-to-monitor-shame-and-rate-citizens/
http://fortune.com/2018/03/18/china-travel-ban-social-credit/