สตีเฟน ฮอว์กิง นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกซึ่งได้รับการยอมรับในความเป็นอัจฉริยะในระดับเดียวกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยออกมาเตือนหลายครั้งถึงการล่มสลายของมนุษยชาติ
Doomsday หรือวันโลกาวินานาศของดาวโลกอาจเกิดขึ้นอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า
สาเหตุที่อาจทำให้โลกมนุษย์ถึงกาลอวสานตามการคาดคะเนของ สตีเฟน ฮอว์กิง คือ ปัญหาสิ่งแวดล้อม โรคระบาด สงครามนิวเคลียร์ ประชากรล้นโลกทำให้ทรัพยากรไม่พอใช้ หุ่นยนต์AIจะทำลายล้างมนุษย์ การพุ่งชนโลกของดาวเคราะห์น้อย การมอดดับของดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะจักวาล การบุกรุกของมนุษย์ต่างดาว
มีเศรษฐีใหญ่นักเทคโนโลยีชื่อดังของโลก 2 คน คล้อยตามแนวคิดดูมส์เดย์ของ สตีเฟน ฮอว์กิง
อีลอน มัสต์ และ เจฟฟ์ เบโซส ได้ลงทุนลงแรงมหาศาลในโครงการอวกาศ!!!
อีลอน มัสต์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal ในภายหลังได้ขาย PayPal ให้กับ ebay ได้ส่วนแบ่งมา $180 ล้าน เขาเอาเงิน $10 ล้านไปลงทุนใน SolarCity อีก $70 ล้านไปลงทุนก่อตั้ง Tesla ส่วนเงินก้อนใหญ่ที่สุด $100 ล้าน เอาไปเริ่มโครงการอวกาศ SpaceX
Elon Musk วางเป้าหมายพามนุษย์ประมาณ 1 ล้านคนไปตั้งรกรากบนดาวอังคาร ตัวเขาเองก็มีแผนจะไปอยู่และตายบนดาวอังคาร
การเดินทางไปอยู่ดาวอังคาร ไม่ใช่เรื่องของเศรษฐีเงินหนาที่ต้องการไปท่องเที่ยวหรือหลบภัย อีลอน มัสต์ บอกว่า การไปอยู่บนดาวอังคาร เป็นเรื่องยาก อันตราย มีโอกาสที่จะตายได้ง่าย มีเรื่องตื่นเต้นรออยู่มากมาย แต่มีคนไม่น้อยที่พร้อมจะร่วมผจญภัยสำหรับการค้นหาและความตื่นเต้นอันตรายที่รออยู่ในเขตแดนใหม่
โครงการสเปซเอ็กซ์มีเป้าหมายชัดเจนเรื่องการเดินทางไปดาวอังคาร ไอเดียใหม่ที่ผู้ร่วมงานเสนอมาทุกครั้ง หากความก้าวหน้าไม่สามารถทำให้ไปดาวอังคารได้ อีลอน มัสต์ จะไม่ยอมทำ มีการวางแผนไว้แล้วว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 จรวด SpaceX จะเดินทางไปกลับดาวอังคาร
การไปครอบครองดาวอังคาร คือ แผนสำรองเพื่อคงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ อีลอน มัสต์ บอกว่า หากเกิดสงครามนิวเคลียร์บนโลก แล้วคนตายหมด เมื่ออากาศเป็นพิษจนมนุษย์อยู่ไม่ได้ มีรังสีปนเปื้อนทั่วโลก หากมีดาวอังคารเป็นแหล่งที่อยู่สำรอง มนุษยชาติก็จะไม่ดับสูญ เมื่อรังสีพิษจางลงแล้ว ยังกลับมาฟื้นฟูโลกได้
คราวนี้ลองมาฟังเหตุผลในการสนับสนุนโครงการอวกาศของ เจฟฟ์ เบโซส เศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบันดูบ้าง
เจฟฟ์ เบโซส ตั้งใจนำเงินจำนวนมากที่เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่จากอเมซอน เอาไปใช้กับโครงการอวกาศ Blue Origin ซึ่งมันเป็นโครงการราคาแพงที่ต้องใช้เงินมากจริงๆ เขาตั้งใจเจียดเงินจากอเมซอนมาสนับสนุน บลูออริจิน ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านดอลลาร์ และจะทำอย่างต่อเนื่องทุกปี
นายใหญ่อเมซอนเปิดเผยว่า งานทุกอย่างที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็น ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ คลาวด์คอมพิวเตอร์ หนังสือพิมพ์ และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับเขาแล้ว การลงทุนในโครงการอวกาศมีความสำคัญมากที่สุด
Jeff Bezos ให้ความเห็นว่า อีกไม่กี่ร้อยปีในอนาคต จะมีปัญหาใหญ่ด้านพลังงาน คนบนโลกที่มีมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีการใช้พลังงานมาก และหากไม่ทำอะไร จะเกิดการขาดแคลน แม้แต่การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อพึ่งพาพลังงานจากแสงอาทิตย์ทั่วทุกแห่งบนโลก ก็อาจไม่เพียงพอกับความต้องการในอนาคต
หากยังพึ่งพาทรัพยากรจากโลกเป็นหลัก อารยธรรมมนุษย์จะไม่ยั่งยืน เจฟฟ์ เบโซส บอกว่า ไม่ต้องการให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานอยู่ในโลกที่หยุดชะงักไร้การพัฒนา
เจฟฟ์ เบโซส ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่อเมริกา Washington Post มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับโครงการอวกาศว่า… ต่อไปในอนาคต จะมีการกระจายอารยธรรมไปดาวดวงอื่น มีคนนับล้านไปทำงานหรืออยู่อาศัยนอกโลก อุตสาหกรรมหนักจะถูกย้ายไปอยู่ดาวอื่น เอาหุ่นยนต์ไปช่วยทำงานแทนคน ส่วนโลกก็จะเหลือแค่อุตสาหกรรมเบา โลกจะกลายเป็นสถานที่อยู่อาศัยที่สวยงามน่าอยู่สำหรับมนุษย์
ในอวกาศมีแสงแดดจากดวงอาทิตย์ให้ใช้เป็นพลังงานได้อย่างไม่จำกัด เมื่อหมดปัญหาเรื่องพลังงาน จำนวนประชากรมากๆจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป มนุษยชาติจะพัฒนาก้าวหน้ามากกว่าปัจจุบัน จะมีคนแบบไอน์สไตน์หรือโมสาร์ทเพิ่มขึ้นอีกหลายพันคน..
สำหรับ เจฟฟ์ เบโซส แล้ว โครงการอวกาศของ Blue Origin มีความสำคัญสำหรับอารยธรรมของมนุษยชาติอย่างยิ่ง
เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน โคลัมบัสเดินทางจากยุโรปเพื่อออกสำรวจโลก คนในสมัยนั้นก็เห็นว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันสิ้นเปลือง แต่ในที่สุดได้กลายเป็นคุณประโยชน์ทำให้ผู้คนได้แผ่ขยายสร้างอารยธรรมไปกว้างไกลทั่วโลก ถ้าเปรียบเทียบกับโครงการสำรวจอวกาศในวันนี้ มันก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก!!!
https://futurism.com/stephen-hawking-humans-must-leave-earth-within-600-years/
http://www.businessinsider.com/elon-musk-future-quotes-2017-3
http://www.businessinsider.com/elon-musk-colonization-of-mars-sxsw-2018-3