รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีโอบาม่าซึ่งเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก ในปี 2012 ได้กำหนดนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพรถเพื่อทำให้วิ่งได้ไกลขึ้นโดยกินน้ำมันน้อยลง ซึ่งเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาอากาศเป็นพิษจากก๊าซเรือนกระจก
ตัวอย่างบางส่วนของข้อกำหนดในปี 2012 ตั้งแต่สมัยโอบาม่า เช่น
-รถใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2016 ต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 34.5 ไมล์โดยใช้น้ำมันไม่เกิน 1 แกลอน เทียบได้เท่ากับ 14.67 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร
-รถใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2020 ต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 41.7 ไมล์โดยใช้น้ำมัน 1 แกลอน เทียบได้เท่ากับ 17.73 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร
-รถบรรทุกขนาดเบาที่ผลิตใหม่ในปี 2020 ต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 31.3 ไมล์โดยใช้น้ำมัน 1 แกลอน เทียบได้เท่ากับ 13.31 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร
-รถใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2025 ต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 54.5 ไมล์โดยใช้น้ำมัน 1 แกลอน เทียบได้เท่ากับ 23.17 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร
-รถบรรทุกขนาดเบาที่ผลิตใหม่ในปี 2026 ต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 46.8 ไมล์โดยใช้น้ำมัน 1 แกลอน เทียบได้เท่ากับ 19.90 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร
ตอนที่กฎใหม่นี้ประกาศใช้ในอเมริกา มีการโต้แย้งจากพ่อค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างมาก แต่ในที่สุดก็เป็นที่ยอมรับและผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
หนทางที่จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถทำได้ตามข้อกำหนด เช่น พัฒนาประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ปรับปรุงตัวถังรถหรือน้ำหนักรถให้เบาขึ้น ใช้ระบบไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด ทำเป็นรถอีวี ฯลฯ
แต่แล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2-08-2018 ก็มีระเบิดลูกใหญ่ใส่โลกยุคสีเขียวจากทีมงานบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านทางสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา ออกมาประกาศว่าจะแช่แข็งโครงการมาตรฐานเรื่องระยะทางที่รถใหม่จะต้องวิ่งได้ไกลแค่ไหนต่อแกลอน ที่เคยกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2012 โดยขอยกเลิกข้อกำหนดทั้งหมดไว้ก่อน จะไม่ใช้เงื่อนไขเดิม โดยกำลังอยู่ระหว่างหาข้อสรุปใหม่ว่าจะเป็นเท่าไร
มีการประเมินว่าอาจปรับเกณฑ์ให้ลดหย่อนลงประมาณ 20% ตัวอย่างเช่นในปี 2026 เคยกำหนดให้รถบรรทุกขนาดเบาที่ขายในสหรัฐต้องวิ่งได้ 46.8 ไมล์ต่อแกลอน(19.90 กม.ต่อลิตร) ให้เหลืออยู่ที่ 37 ไมล์ต่อแกลอน(15.73 กม.ต่อลิตร)
กฎใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่เข้มงวดเหมือนเดิม ยอมให้รถวิ่งได้ระยะทางน้อยลงโดยใช้น้ำมันมากขึ้น
มีการวิจารณ์โดยฝ่าย ทรัมป์ ว่าสิ่งที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2012 ไม่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน ราคาน้ำมันไม่ได้ถีบตัวสูงขึ้นจนน่ากลัวอย่างที่คาดไว้
ทีมงานบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า การแก้ไขกฎระเบียบใหม่จะทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐดีขึ้น รถที่ผลิตใหม่ก็จะมีราคาถูกเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการปรับปรุงให้เป็นไปตามเงื่อนไขใหม่ และจะทำให้มีการซื้อรถยนต์ใหม่มากขึ้น
กระทรวงคมนาคมสหรัฐอเมริกาบอกว่า ข้อเสนอใหม่ของรัฐบาลในยุค โดนัลด์ ทรัมป์ จะช่วยทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาลดลงกว่าที่จะเป็นไปตามเงื่อนไขเก่ามากถึง 319,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายถึงระยะเวลาจนถึงปี 2029
ตัวเลขประเมินของต้นทุนที่ไม่ต้องใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละแห่งประหยัดเงินจำนวนมาก เช่น GM = 60,000 ล้านดอลลาร์, Toyota = 34,000 ล้านดอลลาร์, Volkswagen AG = 20,000 ล้านดอลลาร์
หากคิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้วจะช่วยทำให้ไม่ต้องเพิ่มราคารถคันละ 2,340 ดอลลาร์
ฝ่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมออกมาโจมตีอย่างรุนแรงและบอกว่า การขยับครั้งใหม่ของ ทรัมป์ หมายถึงรถจะยังคงปล่อยมลพิษคาร์บอนเข้าไปในบรรยากาศโลกนับพันๆล้านตัน และจะมีผลกระทบทำให้โลกร้อนขึ้น
หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศให้สหรัฐอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงที่กรุงปารีสเรื่องการหาทางลดโลกร้อน อเมริกาก็พลิกกลับไปส่งเสริมอุตสาหกรรมฟอสซิ่ลอย่างเปิดเผย ส่งเสริมให้มีการใช้ถ่านหิน สร้างท่อส่งก๊าซและน้ำมัน และวันนี้กำลังเดินถอยหลังสนับสนุนรถใช้น้ำมันมากขึ้น
ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้ อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง วันนี้ขอทำให้บริษัทรถยนต์กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งก่อน!!!
.
https://www.usatoday.com/story/money/cars/2018/08/02/trump-epa-fuel-economy-standards/887683002/