สงครามการค้าจีน-อเมริกา กระทบธุรกิจไทย อเมริกากีดกันสินค้านำเข้าจากทั่วโลก ไทยถูกบีบให้ซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้น ทุนจีนในไทยอาจมีมากขึ้น

อเมริกาเป็นประเทศที่มียอดขาดดุลการค้ามากที่สุดติดอันดับ 1 ของโลก ปี 2017 มียอดขาดดุลการค้ากับทุกประเทศรวม 665,000 ล้านดอลลาร์ และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา

 

ครึ่งปีแรกของปี 2018 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ 15,550 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่นำเข้าจากสหรัฐฯ 6,120 ล้านดอลลาร์ หมายถึงได้ดุลการค้าอเมริกาครึ่งปี 2018 เท่ากับ 9,430 ล้านดอลลาร์

 

โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางแก้ปัญหาการขาดดุลการค้ากับประเทศต่างๆทุกประเทศ ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่จะถูกโจมตีด้วย

 

อเมริกาขาดดุลการค้ากับจีนมากที่สุดในโลก มียอดสูงมากถึง 375,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นยอดการขาดดุลการค้ากับประเทศจีน

 

สงครามการค้าครั้งนี้ อเมริกาพุ่งเป้าหาทางลดการขาดดุลการค้ากับจีนเป็นหลัก มีการเจาะจงตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯสำหรับสินค้าที่มาจากจีนมากเป็นพิเศษ

 

ในช่วงแรกที่อเมริกาเริ่มจุดชนวนสงครามการค้า มีการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้เจาะจงว่าเป็นสินค้าของประเทศไหน เริ่มจาก เครื่องซักผ้า และแผงโซลาร์เซลล์

 

มาตรการภาษีชุดแรกของอเมริกา ไทยก็ได้รับผลกระทบทันที เพราะไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกทั้งเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์เข้าสหรัฐอเมริกา

 

แม้ว่า ศัตรูทางการค้ารายใหญ่ของอเมริกาเป็นจีน แต่ไทยก็เป็นประเทศที่อเมริกาต้องการหาทางลดยอดการขาดดุลการค้าเช่นกัน

 

ไทยมียอดเกินดุลการค้าอเมริกาแต่ละปีมากกว่า 6 แสนล้านบาท สินค้าที่ไทยส่งออกไปอเมริกามากเป็นพิเศษ คือ คอมพิวเตอร์ มือถือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ยางพารา ชิปคอมพิวเตอร์ พริ้นเตอร์และอุปกรณ์ จิวเวลรี่

 

หลายๆประเทศเริ่มขยับตัวเพื่อเตรียมรับมือผลกระทบของสงครามการค้าครั้งนี้แล้ว แต่ของไทยยังไม่เห็นทำอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน

 

มีข่าวเพียงว่าไทยพยายามเจรจาขอผ่อนผันกับสหรัฐอเมริกาให้ชะลอหรือยกเว้นการตั้งกำแพงภาษีสินค้ากับเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์จากไทย

 

หากติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด ศึกษาข้อมูลโดยละเอียด ดูบทวิเคราะห์จากหลายสำนัก ก็พอจะประเมินและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ และมีหลายเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย

 

โดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าที่ชัดเจนว่าต้องการแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต้องการให้เศรษฐกิจภายในประเทศเติบโตมากๆ อยากสร้างงานในประเทศ มีการผลักดันส่งเสริมให้สร้างโรงงานในอเมริกามากขึ้น ไม่อยากให้บริษัทอเมริกันไปขยายโรงงานในต่างประเทศแล้วเอาสินค้าส่งกลับมาอเมริกา ทรัมป์ บอกว่า ใครอยากมาค้าขายกับอเมริกาให้มาตั้งโรงงานในอเมริกา ถ้าผลิตที่อื่นและส่งมาขายในอเมริกาก็ต้องยอมจ่ายภาษี

 

สินค้าไทยที่ส่งออกไปอเมริกาไม่ใช่ทุนไทยทั้งหมด มีมาจากนานาประเทศ และรวมถึงของนักธุรกิจอเมริกันที่ใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งสินค้ากลับไปขายในอเมริกา

 

สิ่งที่อเมริกาพยายามบีบไทย คือ ต้องการให้ไทยซื้อสินค้าจากอเมริกามากขึ้น เราเห็นตัวอย่างในช่วงที่บิ๊กตู่ไปพบทรัมป์แล้ว นายกไทยสัญญาว่าจะซื้อหมูและถ่านหินอเมริกัน ตามข่าวบอกว่าจะซื้อถ่านหินอเมริกามากถึง 1.5 แสนตัน

 

ท่านประยุทธ์ อาจมีข้อมูลลึกๆที่พวกเราอ่านไม่ออกหรือไม่เข้าใจก็ได้ แต่ถ้าดูกันแบบชาวบ้านทั่วไป ดีลที่ไปตกลงกับ ทรัมป์ เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าจริงๆ

 

เอาหมูมาทำไม ไทยเป็นแหล่งอาหารโลกแล้วยังมีการส่งออกมากมาย มีเนื้อหมู หัวหมู ขาหมู เครื่องในหมู เพียงพอกับความต้องการแน่ๆ

 

ถ่านหิน 1.5 แสนตัน เอามาทำไม ระยะทางจากอเมริกามาไทยก็ไกลมาก โดนค่าขนส่งอีกบาน ราคาถ่านหินอเมริกันแข่งขันกับแหล่งอื่นได้หรือเปล่า และโลกกำลังจะเลิกใช้ถ่านหินที่เป็นมลภาวะแล้ว ไทยจะสวนทางกระแสโลกอีกหรือ?

 

สินค้าจากอเมริกาที่ไทยนำเข้ามามากอันดับต้นๆ คือ เซมิคอนดักเตอร์ ชิปคอมพิวเตอร์ เครื่องบินและอุปกรณ์ มือถือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบมอเตอร์รถ ผ้าฝ้าย ดาวเทียม ฯลฯ

 

มีสินค้านำเข้าจากอเมริกาจำนวนมากจัดเป็นสินค้าทุนที่เอาไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่นอีกที และมีบางส่วนที่ไทยเอาไปผลิตเพื่อการส่งออกด้วย

 

ถ้าจำเป็นต้องสั่งซื้อสินค้าจากอเมริกาเพิ่มขึ้น รัฐบาลไทยก็ควรผลักดันให้โรงงานไทยซื้อสินค้าที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตเพื่อการส่งออกมากขึ้น และหาตลาดใหม่สำหรับการส่งออกไปประเทศอื่นๆมากขึ้น หรือเพิ่มน้ำหนักการส่งออกในตลาดเก่าที่มีอยู่เดิม

 

วันนี้ยังไม่มีความแน่นอนว่า สงครามการค้าจีน-อเมริกา จะลุกลามไปไกลแค่ไหน หรือจะจบลงอย่างไร

 

โรงงานในไทยหลายแห่งที่มีตลาดเป้าหมายหลักอยู่ในอเมริกา หากโดนกำแพงภาษีสูงๆคงไม่มีอนาคตแน่ อาจมีการปิดโรงงานบางแห่ง หรือต้องหาทางสร้างตลาดทดแทนในประเทศอื่นมากขึ้น

 

จะใส่ไข่ทั้งหมดอยู่ในตะกร้าใบเดียวไม่ได้ เวลามีปัญหา ไข่จะแตกทั้งหมด ต้องกระจายความเสี่ยง!!!

 

สงครามการค้าจีน-อเมริกา อาจทำให้จีนออกมาตรการใหม่ๆหลายอย่างเพื่อเอาไว้โต้กลับอเมริกา

 

จีนคงต้องหาทางเพิ่มรายได้ในตลาดอื่น และมาตรการใหม่ๆที่กำลังจะออกมาใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทั้งด้านบวกและลบ ไม่รู้ว่าไทยมีการเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าหรือยัง หรือจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาที่เปลี่ยนไป

 

มีการคาดการณ์ว่า จีนจะใช้วิธีทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนลง เวลาสินค้าจีนส่งไปขายอเมริกาแล้วโดนกำแพงภาษีเล่นงาน บวกลบไปมาแล้ว ต้นทุนสินค้าจีนที่ขายในอเมริกาอาจไม่เปลี่ยนแปลง

 

ยกตัวอย่างเช่น ภาษีขึ้น 10% แต่ค่าเงินหยวนอ่อนลง 10% คนอเมริกันก็ได้สินค้าจีนในราคาไม่ต่างจากที่เคยจ่ายมากนัก

 

แต่ค่าเงินหยวนที่อ่อนลงมากๆ หมายถึงเงินจีนมีมูลค่าน้อยลงสำหรับหลายประเทศ ทัวร์จีนที่เคยมาเที่ยวประเทศไทยมากๆนับสิบล้านคนต่อปีอาจลดน้อยลง เพราะมีราคาแพงขึ้นสำหรับพวกเขา

 

ตอนนี้เราก็โดนโจมตีอย่างหนักเรื่องอุบัติเหตุเรือล่มทำให้คนจีนตายจำนวนมากที่ภูเก็ต แล้วยังเจอรองนายกฯไทยซ้ำเติมพวกเขาด้วย

 

ทัวร์จีนเข้าไทยวันนี้ก็ลดน้อยลงอยู่แล้ว หากเจอเรื่องค่าเงินหยวนที่อ่อนลงไปอีกจะเป็นอย่างไร รัฐบาลไทยมีวิธีแก้หรือหาทางออกเอาไว้หรือเปล่า?

 

ธุรกิจจีนที่เคยใช้ประเทศจีนเป็นฐานที่ตั้งหลัก อาจต้องขยายฐานไปประเทศอื่นมากขึ้น

 

การมีตลาดหลักที่เป็นตลาดใหญ่ในอเมริกา ทำให้มีความเสี่ยงสูง เวลามีปัญหากันก็ส่งผลเสียหายรุนแรง จีนต้องหาทางกระจายความเสี่ยงไปหากินกับตลาดอื่นมากขึ้น และอาจหมายถึงทุนจีนที่มีโอกาสเข้าประเทศไทยมากขึ้นด้วย

 

ถ้าไทยเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายของสินค้าจีน อาจมีการสร้างโรงงานจีนในไทยเพิ่มขึ้น สามารถใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตสินค้าให้กับภูมิภาคนี้ และอาจใช้ไทยเป็นฐานส่งออกไปอเมริกาได้ด้วย แม้จะเป็นทุนจีนแต่หากสินค้าผลิตในไทย ก็จะไม่โดนอเมริกากีดกันหรือเล่นงานแบบเจาะจง

 

เราอาจคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ถูกต้อง แต่วิธีการรับมือต้องผลักดันมาจากข้างบน

 

สงครามยุคใหม่เป็นสงครามการค้าที่รบกันด้วยสติปัญญา ไม่ใช่การรบที่ใช้กำลังทหาร

 

ประเทศไหนมีผู้นำที่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจและค้าขายเป็นก็โชคดีไป……..

.

Thailand

.

https://www.thebalance.com/us-deficit-by-year-3306306

.

Leave a Reply