จองรถเทสล่ารอนาน 2 ปี 5 เดือน ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่โลกเริ่มเน้นผลิตรถอีวี ผู้ซื้อมีทางเลือกมาก เทสล่ามีคู่แข่งมากขึ้น

ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งออกมาโพสต์ว่า จองรถเทสล่าโมเดล 3 วันที่ 2 เมษายน 2016 รอนาน 2 ปี 5 เดือนถึงได้รถที่จองไว้ เขาบอกว่ารอนานแต่ไม่ผิดหวัง อุตสาหกรรมน้ำมันมีทุกเหตุผลที่จะกลัวเทสล่า แถมท้ายด้วยคำชมว่า รถมันน่าตะลึง ประสิทธิภาพน่ามหัศจรรย์

พอมีคนมาเขียนชมแบบนี้ อีลอน มัสก์ ก็ออกมาตอบทวิตเตอร์ว่า…

“ซาบซึ้งอย่างมาก! การพูดดีๆแบบปากต่อปากเป็นเหตุผลที่ทำไมโมเดล 3 ถึงเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุด แม้ไม่มีโฆษณาหรือการจ่ายเงินโปรโมทใดๆ”

รถในกลุ่ม Plug-In หมายถึงรถที่มีช่องเสียบปลั๊กสำหรับเติมไฟ รวมถึงรถที่ใช้ไฟฟ้า 100% และพวกไฮบริด มีรายงานยอดขายรถ Plug-In ในอเมริกาประจำเดือนสิงหาคม 2018 พบว่า อันดับ 1, 2, 3 เป็นของ เทสล่า ทั้งหมด คือ

  1. Tesla Model 3 17,800 คัน
  2. Tesla Model X 2,750 คัน
  3. Tesla Model S 2,625 คัน

นับเฉพาะ เทสล่า โมเดล 3 มียอดจองค้างส่งในปัจจุบันมากกว่าสี่แสนคัน แม้จะมีการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว แต่ใครจองวันนี้คงต้องรอนานอีกเป็นปีแน่ๆ

ถ้านับเฉพาะรถรุ่นระดับกลางที่สามารถขายแบบแมสได้ Tesla Model 3 มีคู่แข่งสำคัญในกลุ่มนี้ คือ Chevrolet Bolt EV, Nissan LEAF

ผู้ผลิตรถยนต์แบบเก่าที่ใช้น้ำมันเริ่มรู้สึกกันจริงๆแล้วว่า ยานยนต์ไฟฟ้ากำลังจะมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปได้มากๆจริงๆ ค่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมและรถหรูที่มีราคาสูงเริ่มออกมาโปรโมทยานยนต์ไฟฟ้า 100% กันมากขึ้น ช่วงนี้ที่มีข่าวออกมามาก เช่น เบนซ์ ออดี้ บีเอ็ม ฯลฯ

นักวิเคราะห์ทางการเงินจาก Goldman Sachs ออกมาประเมินว่า หุ้นของ Tesla อาจตกลงมาประมาณ 30% ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพราะมีคู่แข่งมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อรถอีวีมีทางเลือกมากขึ้น และเชื่อว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่โลกที่มีความพร้อมในการผลิตมากกว่า สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้จำนวนมาก จะเป็นผู้ชนะในตลาด

ถ้าพิจารณาเรื่องความพร้อมของ เทสล่า ต้องบอกว่ามีน้อยกว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อื่นๆจริงๆ เทสล่า นอกจากมีกำลังผลิตน้อยแล้ว ยังไม่ยอมโฆษณา ทำให้สื่อบางส่วนไม่ค่อยสนับสนุนการนำเสนอข่าว

ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายใหญ่อื่นๆ มีงบโฆษณาผ่านสื่อจำนวนมาก ทำให้สื่อมีความเกรงใจที่จะนำเสนอข่าวด้านลบของลูกค้า แต่ในกรณีที่เป็นข่าวแย่ๆของเทสล่าก็เสนอข่าวกันได้เต็มที่ เพราะไม่เคยได้อะไรอยู่แล้ว และเป็นข่าวที่เรียกความสนใจได้มากด้วย

ในขณะที่นักวิเคราะห์ทางการเงินและนักอุตสาหกรรมรถยนต์มองว่าเทสล่าไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามอะไรมากมาย ฝ่ายที่เป็นนักเทคโนโลยีกลับมีทรรศนะที่แตกต่างออกไป ไม่ได้มองว่ายานยนต์ไฟฟ้าเป็นแค่ยานพาหนะเหมือนรถยนต์ทั่วไป แต่มันเป็นคอมพิวเตอร์ติดล้อ เทคโนโลยีที่เหนือกว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

วันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าตลาดยานยนต์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร? ใครจะเป็นผู้นำตลาด? ยักษ์ใหญ่รถยนต์ยังจะเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าได้หรือไม่?

แต่ที่รู้แน่ๆ คือ เทคโนโลยีใหม่ๆไปป่วนและพลิกโฉมเจ้าตลาดเดิมในหลายวงการแล้ว!!!

ถ้าเจ้าตลาดเดิมควรเป็นเจ้าตลาดในโลกที่เปลี่ยนแปลง เราคงไม่เห็นแบรนด์ที่เคยยิ่งใหญ่กลายเป็นผู้ตามที่ไม่พร้อมจะแข่งขันอย่าง ไอบีเอ็ม โนเกีย โกดัก ฯลฯ….

https://insideevs.com/monthly-plug-in-sales-scorecard/

https://www.cnbc.com/2018/09/04/goldman-tesla-shares-to-drop-30-percent-in-the-next-6-months.html

 

Posted in EV

Leave a Reply