วันจันทร์ที่ 17-09-2018 กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่โลกโฟล์คสวาเกน ประกาศแผนการสร้างสายการผลิตใหม่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ระลอกแรกจะพยายามผลิตให้ได้ 10 ล้านคัน
สายการผลิตใหม่นี้เรียกว่า MEB platform ยังไม่มีรายละเอียดไทม์ไลน์ที่ชัดเจน แต่ผู้บริหารโฟล์คแจ้งว่า ได้วางเป้าการผลิตรถอีวีแบบแมสออกขายทั่วโลกตั้งแต่ปลายปี 2022 ภายในปี 2025 ต้องขายให้ได้ปีละ 3 ล้านคัน
ปี 2017 รถยนต์ในกลุ่มโฟล์คขายได้ 10.7 ล้านคัน ประกอบด้วยแบรนด์ต่างๆ คือ Volkswagen, Skoda, SEAT, Audi และ Porsche โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ของโลกที่ 7.2% เป็นรองโตโยต้าที่เป็นอันดับ 1 ที่ 9.2%
ในปี 2016 กลุ่มโฟล์คเคยเอาชนะโตโยต้าเป็นเบอร์หนึ่งของโลก แต่ได้ส่วนแบ่งตลาดที่ใกล้เคียงกันมาก
การประกาศเดินหน้าของยักษ์ใหญ่รถยนต์โลกอย่างโฟล์คเป็นเรื่องใหญ่ที่แสดงให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
เป้าหมายของโฟล์คที่จะผลิตรถอีวีออกขายปีละ 3 ล้านคันภายในปี 2025 หมายถึงตัวเลขมากกว่า 30% ของยอดขายรถยนต์ทุกชนิดที่โฟล์คผลิตขายได้ในแต่ละปี
หากเป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกจริง อาจประเมินได้ว่าตลาดรถยนต์โลกภายในปี 2025 จะเป็นของยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 30%!!!
ถ้านำเป้าหมายของโฟล์คเทียบกับยอดขายรถอีวีในปัจจุบัน จะเห็นภาพรวมการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้าชัดเจนขึ้น
ปี 2017 ทั่วโลกขายรถอีวีทุกชนิดที่สามารถเสียบปลั๊กเติมไฟฟ้าได้รวม 1.28 ล้านคัน
เป้าหมายที่โฟล์ควางแผนจะขายรถอีวีให้ได้ปี 3 ล้านคัน มันเป็นตัวเลขมากกว่ายอดขายยานยนต์ไฟฟ้าทุกแบรนด์รวมกันในปี 2017 มากกว่าหนึ่งเท่าตัว
ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์โลกทุกค่ายวิเคราะห์ตรงกันแล้วว่า อนาคตเป็นของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน ใครที่ไม่อยากตกขบวนถูกทิ้งให้ล่มสลายกับความล้าสมัย ต้องเริ่มเตรียมการตั้งแต่วันนี้
ค่ายบีเอ็มดับบลิว และเดมเลอร์หรือเบนซ์ ของยุโรป ก็มีแผนจะเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากในปีต่อๆไปจากนี้
ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของโลกอย่างโตโยต้า แม้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเดินหน้าไปกับยานยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ถูกบังคับให้จำใจต้องทำ ถ้าไม่ยอมผลิตจะขายในจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่ได้
ค่ายผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน จีเอ็มและฟอร์ด ก็กำลังเดินหน้าอย่างจริงจังกับยานยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลก เกิดขึ้นจากการเปิดตัวของ Tesla Model 3 ที่มีตัวเลขจองล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2016 ประมาณ 450,000 คัน เพิ่งเริ่มผลิตส่งมอบรถล็อตแรกได้ช่วงปลายปี 2017 แต่เทสล่ามีปัญหาเรื่องกำลังผลิตอย่างมาก เพิ่งจะเริ่มผลิตได้สัปดาห์ละ 5,000 คันช่วงกลางปี 2018 ซึ่งล่าช้าและต่ำกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้
หากเทสล่ายังเร่งกำลังผลิตไม่ขึ้น สิ้นปี 2019 ก็คงส่งมอบรถ เทสล่า โมเดล3 ที่มีการจองล่วงหน้าไม่ทัน
Tesla Model 3 ถือว่าเป็นยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่เริ่มมีการขายแบบแมสหรือขายจำนวนมากๆได้จริง!!!
กำลังผลิตที่ต่ำมากของเทสล่า จะทำให้เทสล่ามีปัญหาเรื่องการแย่งส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในอนาคต
ค่ายยักษ์ใหญ่รถยนต์โลกอื่นๆ น่าจะมีความพร้อมในการขยายสายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้ดีกว่าเทสล่า
เมื่อถึงปี 2025 ค่ายรถยนต์อื่นๆ คงพร้อมที่จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้าออกขายรวมกันได้มากกว่าปีละ 10 ล้านคัน ในขณะที่เทสล่าอาจมีกำลังผลิตเพียง 400,000-500,000 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 4-5% เท่านั้น
แม้เทสล่าจะเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นกว่าใคร แต่ถ้าปล่อยให้รอรถที่สั่งจองใหม่นานเป็นปีคงไม่ไหวแน่ๆ ผู้ใช้รถคงหนีไปใช้แบรนด์อื่นที่มีความพร้อมมากกว่า
ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายอื่น มีโอกาสที่จะพัฒนาสินค้าตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกันหรือเหนือกว่าเทสล่าได้
เทสล่า ก็คงรู้ตัวว่าต้องเร่งกำลังผลิต ต้องเร่งขยายสร้างโรงงานใหม่ๆ
ใครๆก็มองภาพออก แต่ถ้าเป็นเรื่องลงมือทำ มันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย หรืออาจมีปัญหาหลายอย่างที่เป็นข้อจำกัด
เทสล่า มีแผนการสร้างโรงงานใหม่ในประเทศจีนแล้ว มีทั้งโรงงานแบตเตอรี่และโรงงานผลิตรถยนต์ ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าจะสร้างโรงงานเสร็จเมื่อไหร่ นักวิเคราะห์ประเมินว่าโรงงานใหม่คงมีกำลังผลิตรถเทสล่าในจีนปีละ 250,000 คัน แต่เทสล่าต้องการทำให้ได้ปีละ 500,000 คัน
ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายใหญ่ในโลกเกือบทุกราย มีโรงงานผลิตหรือประกอบรถยนต์ในไทย ใครต้องการขยายฐานการผลิตของตัวเองต้องมองที่ตลาดประเทศไทยด้วย
มีข่าวว่า รองประธานของเทสล่าเคยเข้ามาคุยกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเรื่องการตั้งโรงงานเทสล่าในประเทศไทยแล้ว ช่วงที่ อีลอน มัสก์ มาถ้ำหลวงเพื่อร่วมหาทางช่วยทีมหมูป่าติดถ้ำ ก็คงมีโอกาสคุยเรื่องนี้กับนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้างเหมือนกัน นายกฯก็มีท่าทีพร้อมต้อนรับเต็มที่
ภายในปี 2019 เทสล่าจะเปิดตัวรถปิกอัพไฟฟ้า 100% และหากเทสล่าต้องการขายให้ได้มากๆ ก็ต้องมาเปิดโรงงานในประเทศไทยซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางกระบะโลก
มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเราคนไทยจะได้ใช้กระบะไฟฟ้าเทสล่าราคาไม่แพงในอนาคต!!!
http://www.ev-volumes.com/country/total-world-plug-in-vehicle-volumes/
https://www.statista.com/statistics/316786/global-market-share-of-the-leading-automakers/