ถ้าคุณเป็นคนจีนที่มีอายุเกิน 18 ปี ทำงานแล้ว ไม่ใช่นักเรียนหรือนักศึกษา สามารถลองไปขอกู้เงินโดยใช้สมาร์ตโฟนกับ YONGQIANBAO หรือ “โย่วเฉียนเบ่า” แปลเป็นไทยได้ว่า “ใช้ทรัพย์ที่เป็นเงิน”
เมื่อดาวน์โหลดแอปแล้ว ใช้เวลากรอกข้อมูล 1 นาที แล้วส่งแบบฟอร์มที่ลงทะเบียนไปขอกู้ จะมีการตอบกลับว่ายอมให้กู้หรือไม่ภายใน 1 นาที
วงเงินกู้มีตั้งแต่ 3,000 – 30,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 14,000 – 140,000 บาท วงเงินสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับเครดิตของผู้กู้แต่ละคน ระยะเวลาการให้กู้อยู่ที่ 3-6 เดือน
ทางผู้บริหาร โย่วเฉียนเบ่า เปิดเผยว่า นับจากจำนวนผู้ที่ส่งข้อมูลเข้ามา มีการปล่อยกู้เท่ากับหนึ่งในสาม ส่วนอีกสองในสามปฏิเสธการให้กู้
ในคำชี้ชวนการให้กู้ของ โย่วเฉียนเบ่า บอกว่าคิดอัตราดอกเบี้ย 0.1% ต่อวัน พอคิดออกมาเป็นรายปีเท่ากับ 36.5% ต่อปี ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก
ดูแบบเผินๆ มันเหมือนการปล่อยกู้ที่มีความเสี่ยงสูงมาก แต่ปรากฏว่า โย่วเฉียนเบ่า มีอัตราหนี้สูญเพียง 3% เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงมากถึง 36.5% ถือว่าเป็นธุรกิจที่ได้กำไรสูงมาก
ข้อมูลที่ส่งไปขอกู้ คือ ภาพถ่ายเซลฟี่ของตัวเอง ชื่อและที่อยู่ และข้อมูลอื่นๆซึ่งไม่ต่างจากการสมัครโซเชียลมีเดีย แต่ต้องยอมให้มีการอัพโหลดข้อมูลบางอย่างจากมือถือผู้ข้อกู้
AI แบบ Deep Learning ของ โย่วเฉียนเบ่า จะเป็นผู้ตัดสินว่าควรให้กู้หรือไม่ และวงเงินจะเป็นเท่าไรดี
ข้อมูลสมาร์ตโฟนผู้ขอกู้ กลายเป็นบรรทัดฐานมากกว่า 3,000 อย่างที่เป็นปัจจัยในการพิจารณาเครดิต
ข้อมูลที่มีค่าในโทรศัพท์ เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆจากหลายเรื่อง เมื่อเอามารวมกัน มันกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ทำให้ AI คาดเดาได้ว่าคนๆนั้นจะเบี้ยวหนี้หรือไม่
ข้อมูลบางอย่างทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ขอกู้มีเครดิตไม่ค่อยดี
ชื่อของพ่อแม่และหมายเลขโทรศัพท์ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่? AIสามารถทำการตรวจสอบได้ไม่ยาก
ในรายชื่อคนที่เคยติดต่อด้วย มีคนไม่ดีติดอยู่ด้วยไหม? คนที่คบอยู่อาจอยู่ในบัญชีดำของคนที่เคยโกงระบบมาก่อน
แอปที่ติดตั้งอยู่ในมือถือและการใช้งานก็เป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อแสดงถึงเครดิตของแต่ละคนได้
มีแอปเล่นการพนันอะไรไม๊? มีแอปที่ผิดกฎหมายหรือเปล่า?
มีแอปเล่นเกมอะไรบ้าง? AIสามารถตรวจจับได้ว่าใช้เวลาเล่นเกมบ่อยแค่ไหน? เล่นทุกวันหรือเปล่า?
กำลังใช้มือถืออะไร? เกรดไหน? มือถือราคาหลักพันหรือหลักหมื่น?
วันที่มาขอกู้เงินเป็นวันไหน? ถ้าเป็นสามวันก่อนวันได้รับเงินค่าจ้างก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่ถ้าเป็นช่วงสามวันหลังจากได้รับค่าจ้างมันก็แสดงว่าใช้เงินเกินตัวไป
ระบบสามารถตรวจสอบได้ว่า ผู้ขอกู้ได้รับค่าจ้างวันไหน มีชื่อที่อยู่ของที่ทำงาน รู้ว่าบริษัทหรือโรงงานจ่ายค่าจ้างวันไหน จ่ายเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน
แม้แต่ระดับของแบตเตอรี่โทรศัพท์ที่ส่งเรื่องไปขอกู้ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยในการพิจารณา ใครที่ปล่อยให้แบตฯเหลือต่ำมากๆ อาจหมายถึงคนที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ และอาจถูกปฏิเสธการให้กู้!
มันมีเรื่องเล็กๆน้อยๆจากข้อมูลที่เป็น Big Data มากมาย เมื่อเอาทุกอย่างมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ AI สามารถคาดการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น
ถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้ว การเงินเป็นเรื่องของข้อมูลตัวเลขจำนวนมาก การตัดสินใจเรื่องเครดิตโดยคน ไม่มีทางที่จะสู้กับ AI ได้เลย
มันเป็นเกมที่เกี่ยวกับตัวเลขโดยตรง!!!
https://www.yongqianbao.com/home