ก่อนที่อาลีบาบาจะเข้ามาทำธุรกรรมด้านการเงิน ธนาคารในจีนและสถาบันการเงินหลายแห่งออกมาต่อต้านและล็อบบี้รัฐบาลจีนว่า ไม่ควรปล่อยให้บริษัทที่ไม่มีความชำนาญมาทำ ไม่มีความเข้าใจเรื่องการเงินมาทำธุรกรรมนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมีการแฮ็คข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เดี๋ยวจะเกิดหนี้เสียทำให้ระบบการเงินทั้งประเทศเสียหาย
รัฐบาลจีนก็ทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยิน ไม่สนใจพวกที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
นโยบายของรัฐบาลจีนแบบนี้ มีการเปรียบเปรยว่าเป็นการปล่อยให้ลูกปืนยิงออกไปก่อน หากไม่มีใครโดนยิงหรือเป็นอะไรก็ทำกันต่อไป แต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาค่อยไปตามแก้กันภายหลัง ถ้ามันได้ผลดีจริงแล้วมีอะไรที่ติดขัดก็มาปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
เหมือนอย่างกรณีของ อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ วันนี้ได้ทำให้ประเทศจีนกลายเป็นสังคมไร้เงินสด มีการใช้จ่ายเงินผ่านทางสมาร์ตโฟนมากกว่าใช้เงินสด แล้วยังมีธุรกรรมการเงินสารพัดอย่างที่ไม่ต้องทำกับธนาคารแต่ทำกับบริษัทเทคฯแทนได้ เช่น จ่ายเงินซื้อสินค้าออนไลน์ จ่ายค่าสินค้าที่ซื้อตามร้านทั่วไปแทนเงินสด โอนเงินระหว่างบุคคลโดยตรง ฝากเงินกินดอกเบี้ย กู้เงินผ่านมือถือ ฯลฯ
ผลที่ตามมาในวันนี้ ทำให้ธุรกิจของธนาคารในจีนเสื่อมถอยลง บัตรเครดิตแทบจะไม่มีความหมาย ร้านค้ายินดีรับเงินดิจิตอลผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่าเพราะแทบจะไม่ต้องเสียค่าบริการอะไร ไม่เหมือนบัตรเครดิตที่อาจโดนชาร์จค่าบริการประมาณ 3%
เหตุผลที่แท้จริงที่เหล่าสถาบันการเงินต่อต้านบริษัทเทคฯเพราะกลัวว่าจะถูกแย่งธุรกิจ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่พวกเขากลัวจริงๆ
สังคมไร้เงินสดในจีน เกิดประโยชน์โดยรวมมากมาย เช่น รัฐบาลไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผลิตเหรียญหรือธนบัตรมากๆ ระบบการเงินดิจิตอลสามารถตรวจสอบการหมุนเวียนของเงินได้ สร้างความโปร่งใสมากขึ้น ประชาชนได้รับบริการทางด้านการเงินที่สะดวกขึ้น คนจีนจำนวนมากที่ไม่มีบัญชีกับธนาคารสามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้ทั่วถึง ค่าบริการต่างๆที่บริษัทเทคฯชาร์จกับผู้ใช้ถูกกว่าธนาคารมาก ทำให้สถาบันการเงินต่างๆต้องหาทางปรับตัวด้วยการลดค่าบริการต่างๆเพื่อทำให้แข่งขันได้ ผลประโยชน์สูงสุดเป็นของประชาชน
แต่ก็มีกรณีของเทคโนโลยีใหม่ที่ปล่อยให้ทำกันมากๆ และส่งผลด้านลบเช่นกัน
คริปโตเคอเรนซีอย่างบิทคอยน์หรือเหรียญอื่นๆ เวลาออกไอซีโอที่ระดมทุนกันเอง ปรากฏว่ามีอาซิ้มอาแป๊ะหรือชาวนาที่ไม่มีข้อมูลหรือความรู้อะไร ไปแห่ตามซื้อเหรียญต่างๆเพราะหวังกำไรมากๆ และโดนหลอกลวงมากมาย
เงินคริปโตในจีนที่มีปัญหา ก็เหมือนกับลูกปืนที่ยิงออกไปแล้วมันทำให้มีคนโดนลูกหลงบาดเจ็บ เมื่อเห็นว่ามีผลเสียมากกว่าได้ รัฐบาลจีนก็ออกกฎหมายห้ามปรามตามมาภายหลัง ซึ่งวันนี้มีการกีดกันเหรียญคริปโตในประเทศจีนแล้ว
ในปัจจุบัน มีการแข่งขันแย่งกันเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลกระหว่างอเมริกาและจีน โดยในวันนี้อเมริกายังมีความเหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่มีการคาดการณ์ว่าไม่เกิน 5 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงจนทำให้จีนแซงหน้าอเมริกา
มันกลายเป็นความหวาดหวั่นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และได้กลายเป็นสงครามการค้าที่มีเบื้องหลังอยู่ที่การแย่งกันเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของทั้งสองประเทศ
จีนมีนโยบายที่ต้องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลก และวางโรดแมป Made in China 2025 สร้างความวิตกให้กับอเมริกาอย่างมาก
ภายในปี 2020 จีนต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI และ Application และมีเป้าหมายสูงที่ต้องการเป็นศูนย์รวมนวัตกรรม AI ของโลกภายในปี 2030
จีนไม่ได้ออกนโยบายที่พูดแบบลอยๆ รัฐบาลจีนชี้นำแก่อุตสาหกรรมทั้งประเทศให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน
ในปี 2017 การลงทุนด้าน AI ของจีนมีมากที่สุดในโลก คิดเป็นอัตราส่วน 48% ในขณะที่อเมริกามี 38% และเป็นของประเทศอื่นๆอีกประมาณ 13%
รัฐบาลจีนยังมีนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่อีกหลายอย่าง
มีถนนและเมืองใหม่บางแห่งได้เตรียมพร้อมสำหรับการทดลองวิ่งรถไร้คนขับไว้แล้ว
โรงงานรถยนต์แห่งไหนถ้าไม่ยอมพัฒนารถอีวีจะไม่ได้ทำธุรกิจอีกต่อไป มีโควต้าการผลิตสำหรับรถอีวีและรถใช้น้ำมันแบบเก่าเอาไว้ จะไม่ยอมให้โรงงานไหนในประเทศจีนผลิตแต่รถใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว
โดยพื้นฐานของคนจีน มีสายเลือดพ่อค้าอยู่แล้ว เทคโนโลยีที่คิดค้นมาได้ใหม่ๆจากอเมริกา เวลามาเจอคนจีนก็หาทางประยุกต์มันให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ทำเงินได้ สร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ๆที่เหลือจะจินตนาการออกมามากมาย
เห็นนโยบายด้านเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนแล้วน่าอิจฉาจริงๆ
อดนึกไม่ได้จริงๆว่า ถ้ามีเหตุการณ์ในประเทศไทยคล้ายๆอาลีบาบาที่ไปขอทำอะไรใหม่ๆกับรัฐบาล แล้วโดนพวกเสือนอนกินหรือจอมผูกขาดมาต่อต้าน บริษัทอย่างอาลีบาบาจะได้เกิดในประเทศไทยหรือไม่???
https://en.wikipedia.org/wiki/Made_in_China_2025
https://www.techinasia.com/talk/china-win-self-driving
https://www.wired.com/story/why-china-can-do-ai-more-quickly-and-effectively-than-the-us/