AI มีคุณสมบัติเด่นเรื่อง Prediction หรือการทำนาย คงพอเปรียบเทียบได้กับงานของหมอดู แต่ปัญญาประดิษฐ์ทำงานเป็นวิทยาศาสตร์
ที่มันสามารถทำนายได้เพราะมันเคยเห็นตัวอย่างข้อมูลและผลลัพธ์จำนวนมาก ทำให้มันสามารถคาดการณ์ได้ถูกต้องว่า เมื่อมีข้อมูลใหม่ป้อนเข้าไป ผลลัพธ์ควรจะออกมาอย่างไร
อย่างในกรณีของ AI ที่ดูเอ็กซเรย์หรือเอ็มอาร์ไอของผู้ป่วยรายหนึ่งแล้วบอกได้ว่าจะเป็นมะเร็งในอนาคต มันสามารถทำได้เพราะมันมีประสบการณ์ที่สั่งสมมามากจากข้อมูลจำนวนมากที่มันเคยได้รับมาก่อน
ยกตัวอย่างการฝึกฝนให้ AI สามารถตรวจหาคนเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่จากภาพเอ็กซเรย์หรือเอ็มอาร์ไอ จะเริ่มต้นด้วยการป้อนข้อมูลของคนที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เข้าไปให้ AI มากๆ เอาข้อมูลของคนที่อยู่ในระยะเริ่มแรกป้อนเข้าไปมากที่สุด ยิ่งมันได้รับข้อมูลมากขึ้นมันจะยิ่งเรียนรู้มากขึ้น และมีโอกาสทำนายได้ถูกต้องมากขึ้น
มันเห็นข้อมูลจำนวนมาก และรู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร
เมื่อมีข้อมูลใหม่ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร AI สามารถใช้ประสบการณ์เก่าช่วยคาดคะเนว่า มีแนวโน้มของผลลัพธ์อย่างไร
มันจะเอาข้อมูลใหม่ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลเก่าที่มีอยู่ในระบบ ทำการวิเคราะห์ว่ามีตัวร่วมอะไรที่เหมือนกันบ้าง และจะพัฒนากลายเป็นมะเร็งหรือไม่ AI ทำการศึกษาหาค่า Correlation ดูตัวแปรแต่ละตัวว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร คำนวณออกมาตามหลักการทางสถิติ
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกเกือบทุกแห่งกำลังลงทุนอย่างหนักกับเทคโนโลยี AI แต่ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้ AI สามารถทำงานได้ดีขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ถูกต้องมากๆซึ่งป้อนเข้าไปเพื่อฝึกฝนมัน ยิ่งมันได้รับข้อมูลมากขึ้น มันก็จะยิ่งมีความแม่นยำมากขึ้น
เมื่อปี 2016 มีตัวอย่างของ AI จากระบบ Autopilot ของ Tesla Model X สามารถทำนายล่วงหน้าให้เจ้าของรถเทสล่าหลีกเลี่ยงจากอุบัติเหตุได้ หากดูจากลิงค์วิดีโอที่แนบมาจะเข้าใจชัดเจนขึ้น
เจ้าของรถเทสล่าใช้ระบบ Autopilot ช่วยในการควบคุมรถ ขับรถตามรถคันหน้าและได้ยินเสียงเตือนจาก AI ของ Autopilot ล่วงหน้า และรถก็ชะรอลงเองทันที ผลปรากฏว่ารถคันหน้าเกิดชนกันอย่างรุนแรงจริงๆ
หากรถเทสล่าไม่ได้ใช้ระบบ Autopilot และไม่มีการเตือนล่วงหน้าหรือไม่มีการชะรอรถล่วงหน้า รถ Tesla Model X ที่ขับตามหลังมาคงได้รับอุบัติเหตุร่วมด้วย
รถ Tesla ทุกคันที่วิ่งอยู่บนถนนได้แบ่งปันประสบการณ์ขับรถร่วมกันไว้ใน Autopilot
ในอนาคตอีกไม่นาน Autopilot จะสมบูรณ์และทำงานแบบไร้คนขับได้ 100% อย่างมีประสิทธิภาพ และขับได้ปลอดภัยกว่าใช้คนขับแน่ๆ
Facial Recognition หรือระบบการจดจำใบหน้าคนของ AI เราสามารถฝึกฝนให้มันสร้างภาพของคนๆหนึ่งในช่วงอายุต่างกันได้
เริ่มต้นด้วยการเอาภาพหลายๆภาพของคนๆหนึ่งในช่วงเวลาที่มีอายุต่างกัน เอาข้อมูลแบบนี้จากคนจำนวนมากๆป้อนให้ AI ได้เรียนรู้ ยิ่งมันเห็นมากมันยิ่งเก่งมากขึ้น เหมือนเป็นการส่งข้อมูลและผลลัพธ์ให้มันเรียนรู้มากๆ
หลังจากที่มันทำการวิเคราะห์หาตัวร่วมดูความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆที่จะเกิดขึ้น ทำให้มันสามารถคาดคะเนหน้าตาของคนในวันนี้ว่าจะหน้าตาอย่างไรในอนาคต มันรู้ว่าข้อมูลพื้นฐานแบบนี้จะมีผลลัพธ์ในอนาคตอย่างไร
มีกรณีศึกษาเป็นตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นจริงให้เห็นแล้ว เด็กที่หายไปตั้งแต่อายุน้อยๆพอโตขึ้นหน้าตาจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน เช่น หายไปตอนอายุ 5 ขวบ ผ่านไป 5 ปี ถ้ายังหาไม่พบ สามารถให้ AI ช่วยสร้างภาพของเด็กคนนั้นตอนอายุ 10 ขวบได้ ซึ่งทำให้โอกาสการค้นหาพบมีมากขึ้น
ผู้ร้ายที่หนีคดีหรือหนีคุกตั้งแต่ตอนยังเป็นหนุ่ม AI สามารถช่วยสร้างภาพตอนแก่ในปัจจุบันได้
AI ที่ช่วยทำงานด้านประเมินเครดิต ดูว่าผู้ขอกู้รายไหนจะเบี้ยวหนี้หรือไม่
ถ้าไม่มีข้อมูลเบื้องต้น มันไม่สามารถทำงานได้เอง มันต้องศึกษาวิเคราะห์จากข้อมูลและผลลัพธ์เก่า
ผู้ขอเครดิตรายใหม่ที่เข้ามาขอกู้แล้วมีตัวแปรที่น่ากลัวตรงกับคนที่เคยเบี้ยวหนี้ในอดีตก็จะถูกปฏิเสธการให้กู้
เราคงจะได้เห็นการนำ AI เข้ามาช่วยในการทำนายหรือคาดคะเนมากขึ้นเรื่อยๆ อุตสาหกรรมที่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องมากๆจะมีการพัฒนามากเพราะมีตัวเงินที่เป็นกำไรตามมามากด้วย เช่น การดูแลสุขภาพ ระบบรถไร้คนขับ การพิจารณาให้สินเชื่อ
แต่ถ้าเป็นการนำ AI มาใช้สำหรับในส่วนที่ไม่สามารถทำเงินได้มากนัก ก็จะมีการพัฒนาช้าหน่อย อาจต้องให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ หรือเป็นงานการกุศล
อย่างกรณีของการใช้ AI มาสร้างภาพของคนต่างช่วงอายุกัน ยังไม่ค่อยมีใครเห็นประโยชน์เป็นตัวเงินมากนัก ต้องพึ่งพาหน่วยงานการกุศลเป็นหลัก
เวลาพูดถึง AI สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในวันนี้คิดถึงเป็นอันดับแรก คือ การเข้ามาทำงานแทนที่คน
แต่ถ้ามองลึกถึงประโยชน์และประสิทธิภาพของ AI มันก็คุ้มค่าที่จะพัฒนา และยอมแลกกับงานจำนวนมากที่จะหายไปในอนาคต!!!
https://www.bbc.com/news/uk-scotland-45381947