อาลีบาบา-เทนเซ็นต์ป่วนโลกการเงินจีน ถ้ายักษ์เทคจีนบุกไทยจริงจะเกิดอะไรขึ้น ปลาสองตัวนี้ทั้งใหญ่และเร็วเกินจะต้าน ธนาคารไทยทุกแห่งรวมกันยังเล็กกว่า -

ยุคนี้เป็นยุคของปลาเร็วกินปลาช้า แต่ถ้ามาเจอปลาที่ทั้งใหญ่และเร็วใครจะต้านอยู่!!!

อาลีบาบาและเทนเซ็นต์กำลังทำเงินได้ดีกับโมบายเพเม้นท์ และรวมถึงธุรกรรมทางด้านการเงินที่ยักษ์ใหญ่ไฮเทคจีนทั้งสองแห่งมีบริการกับลูกค้าโดยตรงไม่ต้องใช้ธนาคารเป็นตัวกลาง

เหตุผลหลักที่ทำให้ได้รับความนิยม คือความสะดวกและต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่า

Alipay และ WeChat Pay กลายเป็นสถาบันการเงินหลักของคนจีนเกือบทั้งประเทศ

ธนาคารจีนขนาดกลางและเล็กจำนวนมาก หาทางอยู่รอดด้วยการเข้าร่วมมือกับบริษัทเทคฯ แต่ธนาคารใหญ่ๆบางแห่งยังพยายามหาทางแข่งขันด้วยวิธีการของตัวเองโดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้มากขึ้น

Ant Financial ของ Alibaba ในวันนี้ ถูกจัดว่าเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 10 ของโลก

ลองนึกภาพดูเล่นๆว่า หากยักษ์เทคฯจีนทั้งสองแห่งนี้กระโดดเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมการเงินในไทยอย่างเอาจริงเอาจัง จะเกิดอะไรขึ้น?

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก-ปลาเร็วกินปลาช้า ในสนามการเงินไทยคงมีให้เห็นแน่ๆ!!!

Market Cap หรือมูลค่าบริษัทในตลาดโดยพิจารณาจากมูลค่าหุ้นของแต่ละบริษัทคิดเป็นเงินพันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 2-11-2018 มีดังนี้ (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ = 32.95 บาท)

Alibaba……………….$382.58B

Tencent..……………..$360.40B

Kasikorn Bank….……..$14.82B

SCB Bank……………..$14.65B

Bangkok Bank………..$12.40B

Bank of Ayudhya……..$ 9.10B

Krung Thai Bank……….$8.65B

TMB Bank…………..…$3.14B

Thanachart Bank…..…$1.86B

เราได้เห็น โค้ก กับ เป๊ปซี่ ของอเมริกาแข่งกันดุเดือดในตลาดน้ำดำในไทย

โตโยต้า กับ ฮอนด้า ก็แย่งกันเป็นใหญ่ในตลาดรถยนต์ไทย

ซัมซุง แอปเปิล หัวเว่ย เสียวหมี่ ออปโป้ กำลังชิงกันเป็นเบอร์หนึ่งตลาดสมาร์ตโฟนไทย

เราอาจได้เห็น อาลีบาบา กับ เทนเซ็นต์ ใช้สนามไทยแข่งขันกันเป็นเจ้าตลาดการเงินก็ได้ หากมีวันนั้นจริง ธนาคารไทยจะเป็นอย่างไร?

ยักษ์เทคฯจีนทั้งสองแห่งเข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้ว แต่วันนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรบอกว่าจะโดดเข้ามาเล่นในโลกการเงินไทยแบบเต็มตัว

ถ้าเข้ามาอย่างจริงจัง คงเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ในตลาดการเงินไทย และผลประโยชน์สูงสุดจะอยู่ที่ประชาชน เราจะได้ใช้ของดีราคาถูกมากกว่าที่เป็นอยู่ในวันนี้แน่ๆ!!!