30ปีก่อนพายุเกย์ทำให้รัฐฯปิดป่าทั่วไทย ควันพิษวันนี้ ภัยร้ายคนในประเทศไทย ถึงเวลาใช้มาตรการแรงเพื่อประชาชน

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 ประเทศไทยเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่ตำบลกระทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช พายุดีเปรสชัน ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ป่าและต้นไม้ที่มีอยู่น้อยช่วยดูดซับน้ำไม่ทัน พื้นดินต้องอุ้มน้ำไว้จำนวนมาก ดินมีน้ำหนักมาก มีโคลนจำนวนมาก มันทำให้เกิดโคลนถล่มที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก มีผู้บาดเจ็บและตาย 230 คน บ้านเรือนเสียหาย 1,500 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 6,150 ไร่

ในปีต่อมา ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2532 ซึ่งเป็นฤดูมรสุมเหมือนกัน แต่คราวนี้เป็นพายุไต้ฝุ่นเกย์ซึ่งสร้างความเสียหายครั้งประวัติศาสตร์กับประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดชุมพรถึงจังหวัดระนอง ต้นไม้ เสาไฟฟ้า บ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ของหลายพื้นที่ถูกทำลาย น้ำป่าที่เกิดจากพายุสร้างความเสียหายและทำลายบ้านเรือนจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตประมาณ 600 คน บ้านเรือนเสียหาย 38,002 หลัง ถนน 1,000 เส้นทาง และสะพาน 194 แห่ง ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย ประชาชนได้รับความเดือนร้อนมากกว่า 200,000 คน

ประเทศไทยอยู่ในเขตมรสุมของพายุดีเปรสชัน มันสร้างความเสียหายได้โดยตรง แต่ยังมีภัยซ้ำเติมจากฝีมือมนุษย์จากการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก

พายุที่รุนแรงมีทั้งลมและน้ำ ในพื้นที่ซึ่งไม่มีป่าไม่มีต้นไม้ น้ำทั้งหมดจะถูกกักเก็บไว้และกลายเป็นโคลนถล่มทำลายบ้านเรือน ไม้ที่ตัดทิ้งไว้บนเขาเมื่อเจอน้ำไหลบ่ามา ไม้ก็ถูกพัดพาลงมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติที่ฆ่าผู้คนไปมากมาย

หากป่าไม้มีความสมบูรณ์ มันจะช่วยบรรเทาความเสียหายให้เหลือน้อยลง

ภัยพิบัติทั้ง 2 ครั้ง กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลไทยตัดสินใจปิดป่า การสัมปทานป่าที่เป็นธุรกิจเก่าแก่กินระยะเวลามายาวนานมากกว่า 132 ปี ได้หยุดลงในปี 2532 จากอดีตที่ประเทศไทยเคยมีพื้นที่ป่าอยู่มากกว่า 70% ได้ลดลงเหลือ 28% มีผลทำให้การทำไม้สัมปทานจำนวน 276 ป่า บนเนื้อที่ 97 ล้านไร่ยุติลง

การตัดสินใจปิดป่าเกิดขึ้นในสมัยนายกชาติชาย ชุณหะวัณ ทำให้รัฐบาลไทยได้รับคำชมเชยจากนานาประเทศ ถือว่ามีส่วนสนับอย่างมากต่อมาตรการป้องกันมลภาวะของโลก

อุตสาหกรรมป่าไม้ มีทั้งต่างชาติและนายทุนไทยร่วมกันกอบโกยผลประโยชน์มานาน 132 ปี ยังเลิกกันได้ ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของผู้ปกครองไทยที่เห็นประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

ย้อนมาดูภาวะอากาศพิษที่เกิดขึ้นในประเทศไทยวันนี้ เรามีปัญหาแบบเดียวกันมาหลายปีในหลายพื้นที่ แต่ยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมที่จะช่วยทำให้ปัญหาหมดไป หรือบรรเทาลงในระยะยาว

ถ้าไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาแบบแรงๆ มันก็จะเห็นปัญหาแบบเดียวกันย้อนกลับมาทุกปี คนไทยก็จะเหมือนกับตายผ่อนส่งทุกปี

เมื่อสามสิบปีก่อนเราเคยปิดป่ามาแล้ว วันนี้ถ้าปิดอะไรหลายอย่าง มันช่วยทำให้เกิดเรื่องดีๆขึ้นในระยะยาวได้แน่ๆ

ใครมีคำแนะนำอะไร ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ เผื่อว่าเสียงแผ่วๆจากประชาชนที่ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของประเทศจะดังไปถึงผู้มีอำนาจในวันนี้บ้าง…..

 

Leave a Reply