ถ่านหินยังโตในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ แต่เริ่มถดถอยในประเทศที่พัฒนาแล้ว ยักษ์ใหญ่ถ่านหินโลกเริ่มลดการผลิต หันไปลงทุนเพิ่มแร่สำหรับแบตเตอรี่

Glencore ยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ที่สุดในโลกบอกว่า จะจำกัดยอดการผลิตถ่านหินให้อยู่ในระดับเดิมหรือ 150 ล้านตันต่อปี โดยให้เหตุผลว่าห่วงใยสิ่งแวดล้อมของโลก

นักวิเคราะห์ลงความเห็นว่า เหตุที่ต้องการจำกัดปริมาณไม่ให้เพิ่มขึ้นเพราะต้องการหาทางเพิ่มราคาขายถ่านหิน และคงทำให้มีรายได้จากถ่านหินดีเหมือนเดิม

แนวทางของผู้ค้าถ่านหิน มาในรูปแบบเดียวกับเหล่าบริษัทน้ำมันที่พยายามจำกัดหรือลดการผลิต เพื่อรักษาราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่ว่า Glencore จะมีเบื้องหลังแอบแฝงเป็นวาระซ่อนเร้นอย่างไร ก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมโลกในอนาคต

ผู้บริหาร Glencore เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมโลก และการทำกำไรของผู้ถือหุ้นในระยะยาว ตอนนี้ได้เริ่มลงทุนในคอมโมดีตี้อื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น Copper, Cobalt, Nickel, Vanadium และ Zinc เป็นแร่ที่ใช้สำหรับแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีทางด้านพลังงานสะอาดสำหรับอนาคต

แม้ว่ามีการจำกัดจำนวนการผลิตถ่านหิน Glencore ก็ยังเป็นผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลกเช่นเดิม

BP และกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา ประเมินตรงกันว่า ตัวเลขการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าในช่วง 20 ปีข้างหน้า คงไม่มีการลดลง น่าจะยังอยู่ในระดับเดิมไปอีกนาน

ได้ฟังการวิเคราะห์เพิ่มเติมแล้วดูน่าเศร้ามาก เพราะการใช้ถ่านหินจะลดลงจำนวนมากในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่จำนวนการใช้ถ่านหินยังเพิ่มขึ้นในอีกหลายๆส่วนของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างอินเดียและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศผู้เจริญแล้วกำลังเริ่มหนีจากถ่านหิน แต่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ยังเป็นความหวังที่มีอนาคตของผู้ขายถ่านหินไปอีกนานหลายสิบปี

ความคิดเห็นของพ่อค้าถ่านหินเหมือนกับพ่อค้าน้ำมันมาก หมดอนาคตในยุโรปและอเมริกา แต่อนาคตยังดีในเอเชียและอีกหลายๆประเทศที่ยังไม่พัฒนา……

https://www.cnbc.com/2019/02/20/glencore-the-worlds-biggest-thermal-coal-exporter-is-capping-output.html?forYou=true

 

Leave a Reply