ยุคเปลี่ยนผ่านยานยนต์โลกเริ่มส่งสัญญาณให้เห็นชัดเจนขึ้นในปี 2018
ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2018 มีรวม 93.6 ล้านคัน หรือลดต่ำลงจากปี 2017 เท่ากับ 0.7%
เป้าหมายที่มีการคาดกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าปี 2018 ตลาดรถยนต์โลกจะแตะยอดหนึ่งร้อยล้านคันไม่สามารถทำได้ โรงงานรถยนต์และผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ในหลายประเทศ มีรถเหลือค้างในสต๊อกหลายล้านคัน
ตามข่าวรายงานว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมของโลกที่แย่ลงในปี 2018 มีสาเหตุหลักมาจากตลาดที่แย่ลงในยุโรปและจีน
ปี 2018 โตโยต้ายังครองเบอร์หนึ่งของโลกเหมือนปีที่แล้ว มียอดขาย 8.85 ล้านคัน เติบโตจากปี 2017 เท่ากับ 1.4% มีอัตราการเติบโตดีขึ้นใน ไทย รัสเซีย และสเปน แต่แย่ลงใน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย อิสราเอล และนอร์เวย์
โฟล์คสวาเกน ซึ่งเคยเบียดเข้ามาที่หนึ่งได้ในบางปี ปี 2018 ก็ยังเป็นที่สองเหมือนเดิม มียอดขายทั่วโลก 6.9 ล้านคัน เติบโตจากปี 2017 เท่ากับ 1.4% ขายได้ดีมากใน บราซิล สเปน รัสเซีย สวีเดน และเนเธอร์แลนด์
ฟอร์ด ในปี 2018 เข้าป้ายเป็นที่สาม มียอดขายรวม 5.45 ล้านคัน ขายได้น้อยกว่าปี 2017 ติดลบไปมากถึง 10.6% ตัวเลขตกฮวบอย่างหนักในจีน แต่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักใน ไทย บราซิล และรัสเซีย
หลายประเทศในโลกขายรถได้น้อยลง แต่ประเทศไทยกลับสวนทางตลาดโลก มีตัวเลขยอดขายสวยๆปี 2018 ให้กับ โตโยต้า และฟอร์ด
มีการคาดหมายจากนักวิเคราะห์หลายสำนักว่า ยานยนต์โลกในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ซึ่งจะพลิกโฉมทำให้เกิดการดิสรัปในหลายอุตสาหกรรมของโลก
ตัวเลขยอดขายรถยนต์โลกที่เคยเติบโตติดต่อกันมานาน 7 ปี แต่ในปี 2018 เป็นปีแรกที่มียอดขายลดลง มันเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใกล้มาถึงแล้ว
คนซื้อรถยนต์ทั่วโลกน้อยลง แต่ผู้คนยังเดินทางกันมากเหมือนเดิมหรืออาจมากขึ้นด้วย ธุรกิจเรียกรถผ่านแอปแบบ Uber, Lyft, Grab, Didi และอีกหลายๆแบรนด์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก
ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์โลกก็มองเห็นแนวโน้มของยอดขายรถยนต์ที่ลดต่ำลง และโดดเข้าไปในธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและรถแบ่งกันใช้ เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ทดแทนยอดขายที่ลดลงในอนาคต ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีข่าวว่ากำลังสนใจทำธุรกิจใหม่ เช่น Daimler, BMW, Volkswagen, General Motors
คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อยู่ในเมืองซื้อรถน้อยลง
ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่มีรถอยู่แล้วใช้รถคันเก่านานขึ้น และหลายคนกำลังรอเปลี่ยนรถคันใหม่เป็นรถอีวีที่มีแนวโน้มราคาต่ำลงทุกปี
รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลกำลังถูกเพ่งเล็งมากเป็นพิเศษ และจะถูกแบนจากหลายประเทศในโลกก่อนรถใช้น้ำมันเบนซิน
อีกไม่กี่ปีจากนี้จะเป็นยุคของรถไร้คนขับ และโรโบแท็กซี่ที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้คนขับ จะทำให้ค่าโดยสารรถรับจ้างต่ำลงอย่างมาก เมื่อคำนวณเปรียบเทียบดูแล้ว ใช้รถแท็กซี่ไร้คนขับอาจถูกกว่าการใช้รถส่วนตัวมากกว่า 10 เท่า
วันนี้สัญญาณจุดสูงสุดของยอดขายรถยนต์มาถึงแล้ว หากการคาดการณ์เป็นไปตามแนวโน้มที่วิเคราะห์กันไว้ล่วงหน้า ตัวเลขยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในอนาคตจะดิ่งต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ Peak Oil Demand หรือจุดสูงสุดของความต้องการใช้น้ำมันโลก แล้วการใช้น้ำมันก็จะดิ่งต่ำลงเหมือนยอดขายรถยนต์
การพลิกโฉมแบบดีสรัปครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แล้วจะได้เห็นความปั่นป่วนครั้งใหญ่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่างแน่นอน!!!
Global Market 2020. Toyota at the best share in over 10 years, while Covid-19 hampers Volkswagen