ตำรวจยุคใหม่ในนิวยอร์ค ใช้ AI ที่มี Algorithm ช่วยในการตรวจดูรูปแบบของอาชญากรรมที่เกิดขึ้น เพื่อศึกษาความเกี่ยวโยง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่หนึ่งกับอีกที่หนึ่ง สมองกล AI สามารถช่วยประเมินได้ว่าเป็นผู้ร้ายคนเดียวกันใช่หรือไม่ เช่น มีโจรคนหนึ่งใช้เข็มฉีดยาทำร้ายคนในห้างสรรพสินค้าเมื่อสัปดาห์ก่อน และวันนี้มีเหตุการณ์มีคนใช้เข็มฉีดยาทำร้ายคนในสนามกีฬาซึ่งห่างจากห้างสรรพสินค้าที่เคยเกิดเหตุครั้งก่อนประมาณ 10 กิโลเมตร AI สามารถวิเคราะห์และสรุปได้ว่าเป็นผู้ร้ายคนเดียวกัน ทำให้การหาหลักฐานเพื่อจับตัวคนที่ก่ออาชญากรรมทำได้ง่ายขึ้น
ที่จริงการวิเคราะห์หาความเกี่ยวโยงแบบนี้ เราเคยเห็นในหนังนักสืบอยู่บ่อยๆ แต่เป็นการทำงานโดยพึ่งพาความละเอียด ความจำ ไหวพริบ และประสบการณ์ที่สั่งสมของคนที่เป็นนักสืบเก่งๆ
แต่ในสภาพความเป็นจริง ความสามารถในการจดจำของคนนั้นมีจำกัด ทำงานสู้คอมพิวเตอร์ไม่ได้แน่ๆ
สำหรับซอฟท์แวร์ที่ทางตำรวจนิวยอร์คนำมาใช้เป็นการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลใหญ่ที่มีอยู่ มันสามารถเอาทุกๆคดีทุกๆเหตุการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาหาความเกี่ยวโยงกัน ดูรายละเอียดที่เป็นกุญแจสำคัญ วิเคราะห์ว่ามีอะไรเป็นตัวร่วมที่เหมือนกัน ชี้ให้เห็นได้ว่าในคดีที่แตกต่างกันเป็นผู้ร้านคนเดียวกันหรือไม่? เบาะแสที่ได้จากการคำนวณของคอมพิวเตอร์ช่วยทำให้ล่าหาตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาการวิเคราะห์ของคนเป็นหลักเหมือนที่เคยเป็น
ในนิวยอร์ค ตำรวจมีพื้นที่ต้องดูแลมากถึง 77 เขต ที่ผ่านมาเคยใช้ความจำของของคน ทำงานวิจัยหาความเกี่ยวโยงกันเองไม่มีอะไรมาช่วย แต่ซอฟท์แวร์ใหม่นี้เป็นการใช้ประโยชน์ทุกด้านมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เทคโนโลยีร่วมกับการวิเคราะห์เพิ่มเติมจากประสบการณ์ของแต่ละบุคคล มันช่วยหาความเกี่ยวโยงระหว่างอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้ว่าอัตราการก่ออาชญากรรมในนิวยอร์คจะลดลงมาบ้างแล้ว แต่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์คยังมีคดีหลายพันคดีในแต่ละปี ซึ่งยังถือว่าสูงมาก
ตำรวจนิวยอร์คได้ทำการฝึกฝนให้ AI ได้เรียนรู้รูปแบบอาชญากรรมโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปีที่จัดทำโดยคน ผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจมาก เครื่องจักรมีความจำดีกว่ามนุษย์ สามารถจดจำข้อมูลได้จำนวนมากกว่ามนุษย์ และค่าใช้จ่ายในการสร้างระบบใหม่นี้ขึ้นมาก็ต่ำมาก
การนำ Machine Learning ของ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด น่าจะช่วยทำให้ป้องกันเหตุร้ายได้ดีขึ้น และจับผู้ร้ายได้มากขึ้นด้วย
.