ภาพประกอบในโพสต์นี้มาจาก The Draw Shop.com ซึ่งสรุปรวบรวมให้เห็นความก้าวหน้าของการพิมพ์แบบ 3 มิติในปัจจุบัน
3D Printing มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Additive Manufacturing หมายถึงการพิมพ์แบบสามมิติ หรือการผลิตโดยใช้สารเติมแต่ง
การพิมพ์แบบ 3 มิติเป็นกระบวนการพิมพ์เลเยอร์ทีละชั้นจนกลายเป็นวัตถุ 3 มิติ ซึ่งทำการผลิตตามคำสั่งที่มีอยู่ไฟล์ดิจิตอล
ในเครื่องพิมพ์ 3 มิติ หัวพิมพ์หนึ่งหัวหรือหลายหัว จะอัดฉีดวัสดุจำนวนเล็กน้อยออกมาในตำแหน่งที่แม่นยำ เพื่อสร้างวัตถุทีละจุด เริ่มจากข้างล่างขึ้นข้างบน
วันนี้เราสามารถพิมพ์แบบ 3 มิติโดยมีสีสันเต็มรูปแบบ ใช้วัสดุที่แตกต่างกันได้มากกว่า 250 ชนิด เช่น โลหะ ไทเทเนียม ยาง พลาสติก แก้ว เซรามิก หนัง สเต็มเซลล์ หรือแม้แต่ช็อคโกแลต
เครื่องพิมพ์ 3 มิติสามารถสร้างสรรค์โครงสร้างที่ซับซ้อนของวัสดุหลายอย่างที่ผสมเข้าด้วยกัน และพิมพ์สิ่งของได้เกือบทุกอย่างตั้งแต่ เครื่องยนต์เจ็ท เครื่องประดับ บ้าน หรือแม้แต่ขาเทียมสำหรับผู้พิการ
การพิมพ์แบบ 3 มิติ ได้เข้ามาเปลี่ยนกระบวนการผลิตทั้งหมด สามารถปรับแต่งไปตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจง สร้างงานที่มีความซับซ้อนได้อย่างอิสระ และสามารถพิมพ์สิ่งที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างไม่มีปัญหา
การผลิตโดยใช้การพิมพ์แบบ 3 มิติ หรือการผลิตโดยใช้สารเติมแต่ง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก ใช้วัตถุดิบในการผลิตเพียง 10% หากเทียบกับระบบการผลิตแบบดั้งเดิม และเป็นระบบที่ไม่ต้องมีสินค้าคงคลัง
มันช่วยทำให้การผลิตมีอิสระ สามารถผลิตสิ่งที่สร้างยากๆได้อย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนพวกเราทุกคนให้กลายเป็นนักสร้างสรรค์
คนคิดอะไรออกมาได้ เจ้าเครื่องพิมพ์ 3 มิติ สามารถสร้างมันออกมาเป็นของจริงได้หมด
มันกำลังเข้ามาพลิกโฉมขบวนการผลิตยุคใหม่ ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีการนำมาใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในอนาคต มันอาจกลายเป็นระบบการผลิตหลักของสินค้าจำนวนมากในโลก…
.
.