“You are what you eat.” นักวิจัยใช้บิลช็อปปิ้งศึกษาปัญหาสุขภาพ กินอะไรถึงเป็น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง

โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน กำลังเป็นปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พัฒนาแล้ว

ในอเมริกา ผู้ใหญ่ 36% และเด็ก 17% มีปัญหาเรื่องโรคอ้วน ในยุโรปมีการประเมินว่าภายในปี 2050 ประชากรมากกว่า 50% จะเป็นโรคอ้วน

การสำรวจของนักวิจัยด้วยการสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง อาจไม่ได้ข้อมูลตามความเป็นจริง เพราะผู้ตอบอายที่จะเล่าความจริงถึงพฤติกรรมการกินอาหารของตัวเอง

Nokia Bell Labs ใน Cambridge สหราชอาณาจักรกำลังศึกษาเจาะลึกข้อมูลบิลการซื้อของชำของประชากร แล้วนำมาเปรียบเทียบกับสุขภาพของประชากรโดยพิจารณาจากข้อมูลทางการแพทย์ของคนในพื้นที่

ทีมงานวิจัยกำลังศึกษาเพื่อดูว่า โภชนาการมีความสัมพันธ์กับโรคภัยต่างๆอย่างไร จากนั้นก็ทำออกมาเป็นผลลัพธ์ให้เห็นเป็นแผนที่ทั้งเมือง

ผมการศึกษามีข้อสรุปเป็นไปตามคาด คือ การบริโภค คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาล เพิ่มขึ้น มีส่วนสัมพันธ์เชิงบวกกับภาวะ Metabolic Syndrome ในขณะที่การบริโภคอาหารเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่มี Fiber หรือเส้นใยจะมีส่วนสัมพันธ์ในเชิงลบ

พูดให้เข้าใจง่ายๆก็ คือ กินแป้งไขมันและน้ำตาลมากไป สุขภาพแย่ลง กินผักผลไม้ธัญพืชมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น

ในการศึกษาครั้งนี้ในลอนดอนพบว่า คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในย่านคนมีฐานะดี มีการศึกษาดี มีพฤติกรรมการกินอาหารที่หลากหลายมากกว่า

ในทางตรงกันข้ามกลับพบว่า คนที่อยู่ในย่านที่ฐานะแย่กว่าในลอนดอน บริโภคอาหารที่มีแคลอรี่มากกว่า และกินอาหารหลากหลายน้อยกว่า และพบว่ามีประชากรเป็นโรคเบาหวานมากกว่าด้วย

ประเทศอื่นๆ น่าจะเอาแนวทางนี้มาใช้บ้าง จะได้เห็นภาพภัยร้ายที่แฝงมากับการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทต่างๆชัดเจนขึ้น จะได้แก้ปัญหาสุขภาพประชากรได้ถูกต้อง

“You are what you eat.” หรือ “กินอะไรเข้าไป คุณก็เป็นอย่างนั้น” เป็นความจริงที่ไม่มีใครโต้เถียงได้เลย…..

https://www.technologyreview.com/s/613518/grocery-bills-can-predict-diabetes-rates-by-neighborhood/

 

Leave a Reply