คนฮ่องกงที่คุ้นชินกับระบอบประชาธิปไตย มีโอกาสเปิดรับข่าวสารอย่างกว้างขวางจากโลกตะวันตก จะบังคับให้ยอมรับระบอบการปกครองแบบจีน คงเป็นเรื่องที่ทำกันได้ไม่ง่ายนัก ยังมีผู้คนที่พร้อมจะต่อต้านอีกมาก
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2019 มีชาวฮ่องกงมากกว่าหนึ่งล้านคนออกมาประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีน
การต่อต้านของคนฮ่องกงบานปลายจนไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร แต่ถ้าเอาประชากรฮ่องกงเทียบกับประชากรจีนทั้งประเทศ มันมีสัดส่วนน้อยกว่ามาก
ตอนนี้มีข่าวตามมามากมายว่า อเมริกา อังกฤษ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนการประท้วง มีข่าวว่าจีนอาจถอนสัญชาติคนฮ่องกงที่ต่อต้านจีน
Big Brother จีนที่ใช้กล้องสอดส่องประชาชนจีนทั้งประเทศก็มีระบบที่จัดวางไว้แล้วในฮ่องกงเช่นกัน
ผู้ประท้วงฮ่องกงใช้วิธีการสารพัดอย่างเพื่อไม่ให้โดนตำรวจติดตามตัวได้ เช่น เอาผ้าปกปิดใบหน้า ใส่หมวก ปิดยี่ห้อเสื้อผ้า รองเท้า เดินทางด้วยรถใต้ดินโดยใช้เงินซื้อแบบตั๋วเที่ยวเดียว ไม่ใช้บัตรเติมเงินที่ตามหาตัวกันได้ง่าย ใช้ร่มปิดบังไม่ให้กล้องมองเห็นตัวผู้ประท้วงจากมุมสูง
คนประท้วงฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่ทันโลกเทคโนโลยี มีอะไรดีๆที่คิดได้ก็งัดออกมาใช้หมด
ล่าสุดมีข่าวว่า ผู้ประท้วงชาวฮ่องกงหลายๆคน มีเลเซอร์พลังสูงเอาไว้ยิงใส่กล้องของตำรวจที่ติดตั้งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ภาพที่ปรากฏผ่านกล้องไม่ชัดเจน เทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่เคยทำงานได้ดีเกิดความสับสน และไม่สามารถระบุตัวตนผู้ประท้วงได้ ฯลฯ
การต่อสู้กับเทคโนโลยีชั้นสูงด้วยวิธีง่ายๆแบบนี้ เคยเห็นบ่อยในหนังไซไฟล์หลายเรื่อง ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่ได้เห็นกันในชีวิตจริงแล้ว
https://futurism.com/the-byte/hong-kong-protesters-lasers-facial-recognition