นักวิทยาศาสตร์และคนดังในแวดวงเทคโนโลยี เมื่อพูดถึงอนาคตของ AI จะมีการจินตนาการและความเชื่อแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ มันจะเป็นภัยคุกคามมนุษยชาติ หรือมันเป็นแค่เครื่องมือชนิดหนึ่งของมนุษย์
อีลอน มัสก์, สตีเฟน ฮอว์กิง, บิล เกตส์ คือ คนดังของโลกที่เคยออกมาเตือนว่าในอนาคตเมื่อมีการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง มันจะถึงจุดที่ AI ฉลาดมากและอาจเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ
ฝ่ายที่ไม่เชื่อว่า AI จะมีปัญหา ออกมาให้ความเห็นว่ามันเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่โลกได้รู้จัก AI มาถึงปัจจุบันนานประมาณหกสิบปี มีการค้นพบครั้งสำคัญในสาขานี้เพียงครั้งเดียว คือ Deep Learning
Deep Learning เป็นวิธีการหนึ่งของ Machine Learning ที่การทำงานของ AI อยู่บนพื้นฐานของ Artificial Neural Networks
นอกจาก Deep Learning หรือ Artificial Neural Networks โลกของ AI ยังไม่มีอะไรที่เป็นการค้นพบครั้งสำคัญแบบก้าวหน้าจริงๆที่เรียกว่าเป็น Breakthrough
ถ้ามี Breakthrough ที่เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ AI อีกหลายๆครั้ง เรื่องที่คนดังหลายคนของโลกกังวลเกี่ยวกับ AI ถึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นจริง
AI ที่มีใช้กันอยู่หรือเริ่มพัฒนากันมากในช่วงนี้ จัดเป็น Weak AI หรือ Narrow AI
เจ้าสมองกลเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นมายังทำงานได้จำกัด แม้จะเก่งกาจขนาดไหน มันก็ทำงานได้เพียงเรื่องเดียว เป็นอัจฉริยะสุดยอดในงานเพียงอย่างเดียว มันไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีจิตใจ แม้แต่สามัญสำนึกแบบคน AI ก็ยังไม่มี
AI เป็นแชมป์ เกมโก๊ะ หรือหมากล้อม
AI ช่วยหมอตรวจหามะเร็งได้เก่งกว่าหมอ
AI บอกได้ว่าใครอยากซื้อสินค้าอะไร
AI ตอบคำถามที่คนสงสัยในเรื่องต่างๆได้
AI แต่งภาพให้สวยงามขึ้น หรือสร้างภาพใหม่ได้
AI จำหน้าคนได้ จำเสียงได้ แยกออกว่าใครเป็นใคร
แต่ AI ที่เรียกได้ว่าเป็น Artificial General Intelligence (AGI) ทำงานได้หลายๆอย่าง มีความรู้หลายๆเรื่องในเครื่องเดียว ยังไม่เคยมีข่าวว่าใครทำสำเร็จจริงๆ
ถ้าจะให้ AI ฉลาดและคิดแบบมนุษย์ได้ มันต้องเป็น AGI มีความหมายเดียวกันกับ Strong AI และ Full AI มันเป็นเป้าหมายหลักที่นักวิจัย AI หลายคนกำลังทำอยู่
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2019 มีข่าวการพัฒนาของ AI ที่อาจถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของ Artificial General Intelligence
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิงหวาในปักกิ่งประเทศจีน ได้พัฒนาชิปคอมพิวเตอร์แบบไฮบริดที่สามารถเอาไปใช้สำหรับการทำงานของซอฟท์แวร์ AI ทุกชนิด
ที่ผ่านมา ชิปของ AI ที่ใช้สำหรับ Machine Learning และ Artificial Neural Networks จะใช้ร่วมกันไม่ได้ เพราะมีวิธีการโคดหรือการเข้ารหัสที่แตกต่างกัน
แต่ในวันนี้มีการออกแบบชิปที่เรียกว่า Dubbed Tianjic ที่รวมเอาการทำงานของ AI ทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
การทำงานของชิปตัวใหม่นี้ สามารถเปลี่ยนไปมาระหว่าการสื่อสารแบบสไปก์กิ้งและไบนารี หมายถึงการทำงานที่คำนวณได้หลากหลายใน AI ตัวเดียว
ทีมนักวิจัยจากปักกิ่งได้สาธิตโดยการสร้างจักรยานที่ขับเคลื่อนได้เอง สามารถตรวจจับอุปสรรค หลีกเลี่ยงอุปสรรค รักษาความสมดุลขณะเคลื่อนที่ จดจำคำสั่งของคน มันตัดสินใจทำอะไรได้หลายอย่างตามสภาพถนนที่แตกต่างกัน
การพัฒนาครั้งนี้หมายถึงแพลตฟอร์มใหม่ของ AI ที่ทำให้มันสามารถทำงานหลายๆอย่างได้ ทำให้ AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำงานได้เร็วขึ้น
ชิปใหม่นี้ สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ในงานประเภทอื่นๆได้อีกมาก
ปัญหาที่ AI เคยมีในเรื่องความชำนาญเฉพาะด้าน เริ่มมีหนทางแก้แล้ว และมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะได้เห็น Artificial General Intelligence มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้าได้จริง
มันอาจหมายถึงเครื่องจักรที่มีความสามารถ เข้าใจ หรือเรียนรู้งานต่างๆที่ต้องใช้ปัญญาแบบมนุษย์ เอาความรู้หลายๆอย่างมารวมกับ ความรู้สึก การคิดวิเคราะห์ เอาทุกเรื่องมาใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจในการทำงาน
เมื่อ AGI มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้า เราจะได้เห็น AI หรือ Robot ที่เป็นอัจฉริยะในหลายๆเรื่องพร้อมกัน นอกจากจำเก่ง เปรียบเทียบเป็น รู้ความแตกต่าง วิเคราะห์ได้…. มันอาจมีสติ มีจิตใจ รู้ผิดชอบชั่วดี เหมือนที่มนุษย์มี เหมือนในหนังวิทยาศาสตร์แห่งอนาคต
ถ้าเอาความก้าวหน้านี้ไปพัฒนาในทางที่เป็นคุณมันจะทำให้โลกนี้สวยงามขึ้นอีกมาก…..
ไม่อยากให้ใครเอาความก้าวหน้านี้ไปใช้ในด้านมืด แต่ทำให้คิดถึงคำเตือนความน่ากลัวของ AI จาก อีลอน มัสก์, สตีเฟน ฮอว์กิง, และ บิล เกตส์ !!!
.