คุณอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ออกมาเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า คนไทยในวันนี้ไปทำธุรกรรมที่สาขาของ SCB โดยตรงเพียง 4% อีก 96% เป็นธุรกรรมออนไลน์แบบดิจิตอล และยังมองไปในอนาคตอีก 3-5 ปีจากนี้ว่า ธุรกิจธนาคารมีโอกาสโดนดีสรัปสูงมาก เหมือนอย่างที่อุตสาหกรรม สื่อ ค้าปลีก การสื่อสาร เคยโดนมาก่อน
มีลิ้งค์ยูทูปที่เป็นการแสดงความเห็นของนายใหญ่ SCB แนบมาด้วย
ฟังผู้บริหารธนาคารพูดถึงโอกาสที่ตัวเองจะโดนดิสรัปแล้ว ทำให้คิดถึงช่วงเวลาเมื่อประมาณสิบปีก่อนที่ได้ยินผู้บริหารสื่อใหญ่ๆหลายแห่งออกมาโอดครวญว่ากำลังอยู่ในอาการหนักเพราะโดนสื่อออนไลน์เล่นงาน และในที่สุดวันนี้ก็สะบักสะบอมโดนดีสรัปจริงๆ
มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะได้เห็นคนทำงานธนาคารตกงานครั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ หรืออาจถึงขั้นได้เห็นธนาคาบางแห่งต้องล้มหายไปด้วย
ธนาคารไทยกำลังพยายามตัดลดพนักงาน มันเริ่มกลายเป็นแรงงานส่วนเกินที่ไม่มีความจำเป็น แต่ขั้นตอนการลดคนทำงานในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ จะเลิกจ้างทันทีเหมือนอย่างระบบของฝรั่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
มีคนพูดกันมากว่า ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นยุคของปลาเร็วกินปลาช้า แล้วถ้ามาเจอปลาที่ทั้งใหญ่และเร็วจะเป็นอย่างไร?
ในประเทศจีน ทั้ง เทนเซ็นต์ และอาลีบาบา กำลังดีสรัปธนาคารจีนระบบดั้งเดิม ถ้ายักษ์จีนทั้งสองแห่งนี้ได้โอกาสจากภาครัฐไทยและโดดเข้ามาแข่งขันในระบบการเงินไทยจริงๆ ธนาคารไทยทุกแห่งอยู่รอดยากแน่ๆ
เอามูลค่าธนาคารไทยทุกแห่งรวมกัน จะมีมูลค่าประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของ อาลีบาบา หรือ เทนเซ็นต์ เท่านั้น
สตาร์ทอัพหรือบริษัทเทคฯอินเตอร์หลายแห่งที่วันนี้อยู่ในประเทศไทยแล้ว เช่น Grab, Gojek, Line, WeWork ฯลฯ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ หลายแห่งมีเป้าหมายเป็นผู้ปล่อยกู้เหมือนธนาคาร อีกไม่นานจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
หากวิเคราะห์กันจริงๆ ทุกๆธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงการพลิกโฉมครั้งใหญ่ ไม่ว่ากำลังทำธุรกิจอะไรอยู่ต้องปรับตัวทั้งนั้น
ประเทศไทยเราวันนี้บอกว่าเป็น ไทยแลนด์ 4.0 แต่ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม เรายังประมาทมากเกินไป และจะเตรียมตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
การรับมือกับดิสรัปชั่นควรเป็นวาระแห่งชาติที่คนทั้งประเทศต้องหันไปในทิศทางเดียวกัน!!!