บริษัทเทคโนโลยีจีนกำลังหาหนทางสร้างมาตรฐานเทคโนโลยี Facial Recognition ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ขณะนี้มีบริษัทเทคจีนตกลงร่วมมือกันแล้วรวม 27 แห่ง เช่น Alibaba, Tencent, Xiaomi, Dahua, PingAn, iFlytek โดยมี SenseTime ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ
ความร่วมมือกันจะเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในการทำงานให้แก่ทั้งระบบ มันเป็นผลดีกับทุกฝ่าย และทำให้การพัฒนาก้าวหน้าได้รวดเร็วขึ้น ทุกบริษัทสามารถแบ่งปันข้อมูลแก่กัน
ประโยชน์ที่เห็นเด่นชัดที่สุดจากการร่วมมือในครั้งนี้ คือ ระบบการจ่ายเงินด้วยใบหน้า วันนี้ยังไม่มีมาตรฐานชัดเจน และมีความเสี่ยงจากความพยายามฉ้อโกงสูง
ระบบจดจำใบหน้าในจีนมีใช้มาหลายปีแล้ว แต่ยังเป็นแบบตัวใครตัวมัน ไม่มีมาตรฐาน
รัฐบาลจีนนำ Facial Recognition มาใช้ในการดูแลความสงบในสังคม เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับ Social Credit System ใช้ควบคุมความประพฤติคนที่อยู่ในประเทศจีน
ประเทศจีนในหลายเมืองหลายสถานที่ เช่น ที่ทำงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย สวนสัตว์ สถานที่ราชการ เริ่มใช้ใบหน้าคนเป็นบัตรผ่านเข้าออก
ระบบการจ่ายเงินด้วยใบหน้าก็เริ่มมีใช้ในประเทศจีนแล้ว สามารถใช้จ่ายเงินในร้านค้าของเมืองใหญ่หลายแห่ง ปี 2018 มีผู้ใช้งาน 61 ล้านคน ปี 2019 มีตัวเลขประเมินผู้ใช้งานอยู่ที่ 118 ล้านคน
มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2022 จำนวนผู้ใช้ระบบการจ่ายเงินด้วยใบหน้าในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 760 ล้านคน คิดเป็นตัวเลขมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนจีนทั้งประเทศ
ธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศจีนเริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบจดจำใบหน้าเพื่อการจ่ายเงินแล้วเช่นกัน วันนี้มีธนาคารมากกว่า 20 แห่งประกาศความร่วมมือกัน
อุตสาหกรรมหลายอย่าง ถูกตอนหรือล่มสลายไปเพราะการเข้ามาแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยี
อุตสาหกรรมการเงินกำลังจะเป็นเยื่อรายใหม่ที่จะถูกดีสรัป
ธนาคารหรือสถาบันการเงินมีผลตอบแทนเป็นกำไรที่น่ายั่วยวนมาก และเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัทเทคโนโลยีทุกแห่ง
เงินมากกว่าไม่ใช่ข้อได้เปรียบ วันนี้ใครมีเทคโนโลยีดีกว่า มีข้อมูลมากกว่า มีโอกาสเป็นผู้ชนะสูงกว่า……
https://www.scmp.com/tech/article/3039558/chinese-tech-companies-seek-standardize-facial-recognition
.