ยุคสมัยเปลี่ยนเร็ว สร้างความขัดแย้ง สิ่งเก่าๆที่เป็นอุปสรรค ต้องถูกทำลาย วันนี้ไม่มีมายา..สูญเพราะถูกทดแทน

บทความ : รศ. ดร.พนา ทองมีอาคม

มนุษย์มีพัฒนาจากการเรียนรู้ มิใช่เกิดโดยสัญชาตญาณ

มนุษย์เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ด้วยสมองที่ว่างเปล่า ต่างจากสัตว์อื่นที่มีสัญชาตญาณอันเป็นกลไกอัตโนมัติติดตัวมา เทียบกันแล้วสัตว์จึงเอาตัวรอดด้วยตัวเองได้ดีกว่าในธรรมชาติ

มนุษย์เมื่อเกิดใหม่ อัตราส่วนมวลรวมของสมองต่อน้ำหนักร่างกายจะสูงกว่าสัตว์อื่นมาก สมองที่ว่างเปล่านี้คือหน่วยความจำและประมวลผลชั้นเลิศที่รองรับการพัฒนาหลังเกิดมาแล้ว มนุษย์ยังพัฒนาขีดความสามารถทางกายภาพและความซับซ้อนได้อีกมากกว่าจะถึงวัยผู้ใหญ่

ดังนั้นเราจะเห็นว่ามนุษย์คือสัตว์ที่เลี้ยงดูลูกๆ ของตัวเองนานกว่าสัตว์อื่นๆ มาก

พัฒนาการของมนุษย์ พึ่งพาการเรียนรู้ เอาตัวรอด และอยู่ในสังคมผ่านการอบรมสั่งสอนเป็นส่วนสำคัญ นี่ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการ มีคุณภาพชีวิต และมีสังคมที่สลับซับซ้อนเหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

การถ่ายทอดความรู้จากรุ่นต่อรุ่น การส่งผ่านประสบการณ์ สั่งสมกฎเกณฑ์สังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และการมีพัฒนาการของวัฒนธรรม ทั้งสิ้นล้วนเกิดขึ้นภายหลังชีวิตคลอดออกจากท้องแม่

นี่เป็นส่วนสำคัญในการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์มากกว่าสัญชาตญาณที่ติดตัวมาดิบๆ

มองกลับมาที่สังคมไทยวันนี้ ดูเหมือนเรามีปัญหาเรื่องการถ่ายทอดอบรมสั่งสอนเด็ก เราเห็นโรงเรียนอนุบาลที่นอกจากไม่อนุบาลเด็กแล้ว ยังกำลังทำร้ายและปลูกฝังสันดานการใช้อำนาจ รุนแรง กดขี่ ข่มขู่ เรากำลังปล่อยให้คนรุ่นก่อนสร้างบาดแผลในจิตใจของเยาวชน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง

เราได้เห็นการกระทบกันของคนระหว่างรุ่น การปฏิเสธความเชื่อ ประสบการณ์ และวัฒนธรรมประเพณีเดิม เช่นการเหมารวมว่าของอะไรที่เป็นของรุ่นบูมเม่อร์มันแย่หมด ประเพณี ศาสนา ความเชื่อ ค่านิยม ทุกอย่างอาจถูกถามค้านและอาจถูกหมิ่นได้ด้วยท่าทีที่แสดง เราเห็นคนรุ่นเก่าผลักไสและด่าทอเด็กแบบขาดเมตตา

ทุกอย่างในวันนี้ชี้ว่าโลกเรามีพัฒนาการในอัตราเร่ง ยุคเกษตรใช้เวลาเติบโตช้าๆ ยาวนานระดับพันปี ยุคอุตสาหกรรมใช้เวลาระดับร้อยปี ยุคโลกาภิวัตน์ระดับสิบปี..พอมายุคของดิสรัปชั่นกับนิวนอร์มัล น่าจะใช้เวลาต่ำกว่าห้าปีจนเหลือไม่กี่เดือน

พิจารณาอย่างนี้แล้วอาจเข้าใจสังคมได้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงระหว่างยุคที่รวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาของการ(ไม่)รับรู้ และ(ไม่)ปรับตัว

การขัดแย้งของความเคยชินกับความเป็นจริงจึงรุนแรงและเลี่ยงได้ยาก

นี่เป็นที่มาของแนวคิดแบบ Creative Destruction คือการจะเกิดอะไรที่ดีกว่า เหมาะสมกว่า อาจต้องทำลายของเก่าที่เป็นอุปสรรค อาจต้องทำลายด้วยความจงใจและทำลายในอัตราเร่งด้วยซ้ำเพื่อให้ทันโลกใหม่ นิวนอร์มัลใหม่..แต่นี่ก็นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ได้อีกมาก

อะไรคืออุปสรรคเก่าๆ ที่ต้องถูกทำลาย อะไรคือสิ่งใหม่ๆ ที่จะมาทดแทน ?

จะเห็นว่าบางอย่างตอบได้ไม่ยาก

โรงเรียนอนุบาลที่มีพฤติการณ์สอนเด็กแบบเรือนทรมานควรถูกทำลาย ระบบขู่บังคับทำร้าย ควรถูกทดแทน

ครูที่เมื่อวานไม่ต้องมีใบอนุญาตแต่วันนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเอาออกไป..นี่เป็นพวกระบบเดิมที่ควรถูกเร่งทำลายและทดแทนด้วยระบบการเรียนการสอนใหม่ที่มีอยู่ให้เลือกมากหลายระบบ (เช่นหลักสูตรมอนเตสซอรี่และอื่นๆ)

ปัญหาที่ตอบยากคือ ของบางอย่างที่มันมีอยู่แบบกึ่งๆ ไม่ชัด..จะเอาออกก็ยังมีคนชอบและจะว่าไร้ประโยชน์เสียที่เดียวก็ไม่ใช่

สมัยลงเรียนวิชามาร์เก็ตติ้ง อาจารย์เคยบอกว่าอะไรอยู่มาได้ในตลาดแสดงว่ามันต้องมีประโยชน์และตอบสนองความต้องการคน ถ้าจะเข้าแข่งขันแย่งชิงตลาด ต้องแน่ใจว่าของใหม่นั้นมีประโยชน์กว่า ทดแทนได้ดีกว่า ไม่งั้นจะล้มเหลว
ที่นี่ยังคิดอีกด้วยว่า จะทดแทนอะไรก็ควรทำให้เกิดความรู้สึกอยากทดแทนขึ้นจากภายในของผู้คน และยังต้องรู้ถึงผลระยะยาวของมันอีกด้วย

นึกถึงศิลปะ ศาสนา และวัฒนธรรมของพวกมายาในอเมริกาใต้ ที่สุดท้ายแล้วสุริยเทพก็ถูกทดแทนด้วยพระคริสต์ ศิลปวัฒนธรรมถูกสเปนทำลาย ประวัติศาสตร์ถูกลบจนหมด

วันนี้ไม่มีคนมายา ไม่มีศิลปะวัฒนธรรมมีชีวิตของมายา..มันสูญเพราะเอาของอื่นมาทดแทน

Leave a Reply