
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 นายกๆ ย้ำว่า ไม่มีใครอยากทำรัฐประหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้น!!!
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันกษัตริย์ บอกว่าวันที่ 9 พ.ย. 2563 จะเดินทางไปกองทัพบก ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการทหารบก เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ชัดดาวน์ประเทศ
กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรในวันนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ประกาศว่า หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น จะรวมตัวกันออกมาต่อต้าน
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
ความพยายามในการรัฐประหารที่ไม่ประสบความสำเร็จ เรียกว่า กบฏ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่การรัฐประหารส่วนใหญ่ในประเทศไทย ประสบความสำเร็จ
หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีการรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว 13 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประเทศไทยในปัจจุบัน อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกกำหนดทิศทางประเทศโดยผู้ที่เข้ามายึดอำนาจ แต่บัญญัติไว้ว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แม้จะไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มใบ แต่ประชาชนยังมีสิทธิแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารของรัฐบาลได้ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ก็ไม่ผิดกฎหมาย
การชุมนุมเรียกร้องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มีการเปิดเผยเรื่องที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเพิ่มขึ้นทุกวัน ยิ่งชี้ให้เห็นเรื่องแย่ๆมากขึ้น ยิ่งจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้น และทำให้ควบคุมประชาชนผู้เห็นต่างยากขึ้นทุกวัน
การรัฐประหาร เป็นหนทางที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยได้ง่ายที่สุด แต่ไม่มีใครแน่ใจได้ว่า จะสงบนานแค่ไหน
ถ้าใช้มุกเดิม หลังการรัฐประหารก็จะประกาศให้ประชาชนทราบว่าเป็นเรื่องจำเป็นชั่วคราว จะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วให้ประเทศไทยกลับไปเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง อาจยืดเวลาอยู่ในอำนาจของเผด็จการได้ 5-6 ปี เหมือนอย่างการ…ขอเวลาอีกไม่นาน… ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยบอกกับคนไทย
เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้จะเป็นแค่ประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือครึ่งเสี้ยว มันอาจมีการต่อต้าน หรือการเรียกร้องของประชานเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
วังวนประเทศไทย อาจเป็นแบบนี้ไม่รู้จบ!
กลิ่นโชยการรัฐประหารครั้งใหม่ในประเทศไทย มันแรงขึ้นทุกวัน
การรัฐประหารโดยทหารคงทำได้ไม่ยาก มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และหากเกิดขึ้นอีก ก็คงไม่มีใครแปลกใจ
แต่หลังจากการรัฐประหารแล้ว จะเดินหน้าประเทศอย่างไร?
จะปิดกั้นความคิดผู้เห็นต่างได้อย่างไร?
จะปิดกั้นการรับรู้ประชาชน ชัดดาวน์ประเทศไทย โดยไม่ให้ใครใช้อินเตอร์เน็ตหรือ?
แล้วจะบอกกับคู่ค้าอินเตอร์ที่ไม่ยอมรับการรัฐประหารได้อย่างไร?
ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกามีนโยบายไม่ต่างกับยุคโอบามา ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษย์ชน มีการบอยคอตประเทศที่มีการยึดอำนาจแบบไม่ชอบธรรม
ถ้าหันไปซบจีนมากขึ้น โดยไม่สนใจประเทศทางโลกตะวันตก เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้หรือ?
หากประชาชนออกมาต่อต้านการรัฐประหารนับแสนนับล้านคน จะเป็นอย่างไร มันจะลุกลามรุนแรงกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้หรือไม่?
ทางออกประเทศไทยอย่างสันติ คือ การคืนอำนาจให้ประชาชน ปล่อยให้ประชาชนกำหนดทิศทางการปกครองประเทศด้วยตัวเอง มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เปิดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นไปตามความต้องการของคนทั้งประเทศ
ผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องมาจากตัวแทนของประชาชน 100%
ทางออกที่ฟังดูง่าย แต่ผู้มีอำนาจ ผู้ครอบครอง และผู้จัดสรรทรัพยากรของประเทศ คงไม่ถูกใจ และอาจนำไปสู่การรัฐประหารครั้งที่ 14 ของประเทศไทย
แต่คราวนี้ ทิศทางหลังการรัฐประหารอาจไม่เหมือนเดิม!!!
กลุ่มราษฎรที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องในคราวนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอายุยังน้อย และส่วนใหญ่มีความคิดเห็นทางการเมืองในทิศทางเดียวกัน
เวลาเข้าข้างคนรุ่นใหม่ หากข้อเรียกร้องไม่ประสบความสำเร็จในวันนี้ พวกเขายังมีเวลาอีกนาน
“ให้มันจบที่รุ่นเรา” มันอาจเป็นไปได้ แต่จะนานแค่ไหน…?….?….?
https://www.sanook.com/news/8286194/