ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่สั่งหยุดใช้วัคซีนของบริษัท AstraZeneca ซึ่งเป็นความร่วมในการพัฒนากับ University of Oxford
วันนี้มีประเทศอื่นๆอีก 7 ประเทศที่สั่งระงับการใช้วัคซีน แอสตราเซเนกา คือ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ บัลกาเรีย ลักแซมเบอร์ก เอสโตเนีย ลิทัวเนีย และ ลัตเวีย
ออสเตรีย และอิตาลี แจ้งว่าจะหยุดใช้บางแบทซ์หรือกลุ่มที่สงสัยบางกลุ่ม เพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน
นับถึงวันพุธที่ 10-03-2021 มีคนในยุโรปประมาณ 5 ล้านคน ได้รับวัคซีนของ แอสตราเซเนกา และพบว่ามี 30 รายที่มีปัญหา “Thromboembolic events” หรือ ลิ่มเลือดอุดตัน หมายถึงลิ่มเลือดที่ก่อตัวในหลอดเลือด และปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด
โฆษกของ AstraZeneca กล่าวว่า วัคซีนของบริษัทได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในระหว่างการทดลองระยะที่ 3 และข้อมูลที่มีการทบทวนตรวจสอบ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนนี้ “ยอมรับได้ดีโดยทั่วไป”
ฝ่ายควบคุมและกำกับยาของยุโรปตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ แสดงให้เห็นว่าจำนวนเคสที่มีปัญหาเรื่องลิ่มเลือดของผู้ที่ได้รับวัคซีน ไม่สูงไปกว่าที่พบในประชากรทั่วไป รายงานที่มีอยู่ในตอนนี้ ไม่เกินจำนวนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในประชากรที่ได้รับวัคซีน
ประเทศที่มีฐานะดีหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย แคนนาดา เม็กซิโก ยังคงเลือกที่จะใช้วัคซีน Oxford-AstraZeneca ต่อไป
ข่าวประเทศไทยสั่งระงับใช้วัคซีน แอสตราเซเนกา ที่บอกว่าเป็นการระงับใช้ชั่วคราว กลายเป็นข่าวดังของสำนักข่าวดังทั่วโลก มีภาพข่าววิดีโอที่เหล่าหมอและพยาบาลกำลังรอนายกไทยและคณะรัฐมันตรี แต่เป็นการรอเก้อ
สำนักข่าวจีน ประโคมข่าวนี้อย่างออกนอกหน้า
เจอข่าวนี้เข้าไป ไม่รู้ว่าโครงการผลิตวัคซีน แอสตราเซเนกา ในประเทศไทยที่เคยเป็นข่าวใหญ่ที่โด่งดังก่อนหน้านี้ จะเป็นอย่างไร?