การวิจัยเพื่อศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของ University of Oxford ซึ่งรายงานเมื่อวันที่ 19-08-2021 ได้ข้อสรุปว่า วัคซีนที่สหราชอาณาจักรใช้อยู่ สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ แต่ประสิทธิภาพวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
ผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer/BioNTech ครบ 2 โดส หลังจาก 14 วัน ประสิทธิภาพวัคซีนในการป้องกันเดลต้าอยู่ในระดับ 92% และมีประสิทธิภาพลดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไป คือ
-90% หลังจาก 30 วัน
-85% หลังจาก 60 วัน
-78% หลังจาก 90 วัน
ผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 โดส หลังจาก 14 วัน ประสิทธิภาพวัคซีนในการป้องกันเดลต้าอยู่ในระดับ 69% และลดลงเหลือ 61% เมื่อผ่านไป 90 วัน
สำหรับการศึกษาเรื่องการทิ้งห่างของระยะเวลาการฉีดวัคซีนโดสที่ 1 และโดสที่ 2 มีข้อสรุปว่าไม่ค่อยมีผลแตกต่างกันเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน
การวิจัยครั้งนี้พบว่า มี Breakthrough หรือคนที่ฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น
คนที่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิด เป็นคนที่สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้ไม่ต่างจากคนที่ติดเชื้อซึ่งยังไม่เคยฉีดวัคซีน
ผลการศึกษาครั้งนี้ ทำให้มีคำถามตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ควรฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เมื่อไหร่? ควรฉีดด้วยยี่ห้อเดิมหรือไม่?
ระบบภูมิคุ้มกันของคน มีการตอบสนองต่อวัคซีนประเภทต่างๆ แตกต่างกัน และโดยรวมแล้วการฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน อาจกระตุ้นการตอบสนองได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลการวิจัยที่ชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อต่างชนิดกัน จะดีกว่าการฉีดวัคซีนแบบเก่าที่เคยฉีดเป็นเข็มที่ 3
ประเทศรวยๆ มีเงินมาก สามารถผลิตวัคซีนได้เอง เขาเริ่มฉีดวัคซีนโดสที่ 3 กันแล้ว แต่ประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาทั่วโลกอีกจำนวนมาก แม้แต่วัคซีนเข็มแรกยังไม่ได้ฉีดกันเลย
ผลการวิจัยครั้งนี้ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ Sinovac ซึ่งเป็นวัคซีนที่อเมริกาหรือประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปไม่ได้ใช้กัน