
ผลการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับวิดีโอเกมที่มีความรุนแรงพบว่า มันไม่มีความเกี่ยวโยงกับความรุนแรงในชีวิตจริง
สื่อและคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเล่นเกม มักมีความเชื่อและพูดถึงเกมที่เน้นเรื่องความรุนแรงว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กหลายคนมีนิสัยรุนแรง
มีการพูดถึงหรือกล่าวโทษการยิงกราดฆ่าหมู่ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนในอเมริกาที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า เป็นเพราะเด็กเล่นเกมรุนแรงมากเกินไป และเลียนแบบเอาเรื่องรุนแรงในเกมมาใช้ในชีวิตจริง
คนกลุ่มอื่นที่มีความคิดเห็นแตกต่างออกไป มีความเห็นว่า ปัญหาสุขภาพจิต การเข้าถึงปืนได้ง่าย น่าจะเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้มากกว่า
ในปี 2013 อดีตประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า เรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนวิจัยเกี่ยวกับวิดีโอเกมและความรุนแรง
Dr. Agne Suziedelyte จากมหาวิทยาลัยลอนดอน ได้เผยแพร่ผลการวิจัยล่าสุดในหัวข้อนี้ใน Journal of Economic Behavior & Organization โดยเป็นการศึกษาที่โฟกัสกับเด็กผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 8-18 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะมีการเล่นวิดีโอเกมที่เน้นความรุนแรง
ผลการวิจัยพบว่า ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า นิสัยความรุนแรงต่อผู้อื่นจะมีเพิ่มขึ้นหลังจากได้เล่นเกมรุนแรงที่ออกใหม่ออกมา แต่เด็กอาจมีพฤติกรรมทำลายสิ่งของหลังจากได้เล่นเกม
เมื่อนำผลลัพธ์ทุกด้านมาวิเคราะห์ร่วมกัน มันชี้ให้เห็ว่า วิดีโอเกมที่มีความรุนแรง อาจทำให้เด็กๆรู้สึกตื่นตัว แต่ความปั่นป่วนนี้ไม่ได้แปลว่าจะสร้างความรุนแรงต่อผู้อื่นซึ่งเป็นประเภทของความรุนแรงที่การศึกษาครั้งนี้ให้ความสำคัญที่สุด
โดยปกติแล้ว การเล่นวิดีโอเกมส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่บ้าน อาการขาดสติที่อาจเกิดขึ้น และโอกาสในการใช้ความรุนแรงหลังการเล่นเกมเมื่ออยู่บ้านก็จะมีน้อย
ดร.เอเนีย ซูซิเดไลท์ ให้ความเห็นที่ได้จากการวิจัยคราวนี้ว่า….
“นโยบายจำกัดการขายวิดีโอเกมให้กับผู้เยาว์ ไม่น่าจะลดความรุนแรงลงได้”
https://scitechdaily.com/latest-research-on-violent-video-games-finds-no-link-to-real-life-violence/
https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0167268121002006