คริปโตเป็นต้นเหตุสิ้นเปลืองพลังงานโลก ขุดเหรียญยุคใหม่ลดพลังงาน 99.95%

Bitcoin ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการเผาผลาญพลังงานตัวร้ายของโลก สาเหตุใหญ่มาจากการขุดเหรียญที่เรียกว่า Proof of Work

ในปี 2021 เครือข่ายบิทคอยน์ทั่วโลกใช้พลังงานมากกว่า 100 เทราวัตต์-ชั่วโมง เทียบแล้วใช้ไฟฟ้าทั้งปีมากกว่าคนทั้งประเทศฟินแลนด์

Ethereum เป็นคริปโตที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองของโลก ซึ่งการขุดเหรียญเพื่อ Proof of Work ต้องเผาผลาญพลังงานมากเช่นกัน แต่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 อีเธอเรียม ได้เสนอวิธีตั้งค่าเครือข่ายโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากนัก เรียกว่า Proof of Stake

Proof of Work หรือ PoW ให้สิทธิ์ทุกคนที่อยู่บนบล็อกเชนเป็นนักขุด ใครหาค่าสมการที่ถูกต้องก่อนเป็นผู้ได้รางวัล ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ทำงานหนัก กินไฟเยอะ กว่าจะชนะ

แต่ในกรณีของ Proof of Stake หรือ PoS จะสุ่มมอบสิทธิ์เป็นผู้ยืนยันธุรกรรมเพียงคนเดียวต่อหนึ่งบล็อก และจะช่วยลดปัญหาการเผาผลาญพลังงานไปได้มาก

มีบางประเทศไม่สนับสนุน Crytocurrencies เพราะปัญหาการใช้พลังงานเยอะ บางพื้นที่กลายเป็นปัญหาทำให้ขาดแคลนพลังงาน มีโรงขุดคริปโตบางแห่งแอบลักลอบใช้ไฟและถูกจับได้

คริปโตถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวปัญหาสร้างมลพิษ การใช้พลังงานจำนวนมากทำให้โลกร้อนขึ้น เพราะพลังงานที่ใช้จำนวนมากเป็นแหล่งพลังงานจากฟอสซิล

Proof of Stake ทำให้ผู้ตรวจสอบความถูกต้องไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเอง ซึ่งหมายถึงการลดพลังงานที่สูญเปล่าจำนวนมาก

การสุ่มหาผู้รับผิดชอบแบบลอตเตอรี่ของ Proof of Stake ทำให้ผู้ได้รับเลือกมีอำนาจในการตรวจสอบชุดของธุรกรรมเพียงรายเดียว แต่ระบบได้กำหนดการลงโทษสำหรับผู้มีสิทธิ์ที่แสดงพฤติกรรมไม่ดีเอาไว้ด้วย

มีการประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ Ethereum จะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้มากถึง 99.95%

Proof of Stake ถือว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นการค้นพบครั้งสำคัญในโลกของ Blockchain

หาก Ethereum ประสบความสำเร็จกับ Proof of Stake จะเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญของโลกคริปโต และจะทำให้เหรียญอื่นๆเปลี่ยนไปใช้แนวทางนี้ด้วย

Source 1

Source 2

Leave a Reply