นายจ้างยอมรับการทำงานแบบรีโมท โอกาสดีของธุรกิจเดินทางท่องเที่ยว   

ผลการสำรวจล่าสุดของ Conference Board ตามรายงานข่าวของ Forbes เปิดเผยว่า มีบริษัทผู้จ้างงานเพียง 4% ยืนยันว่า ลูกจ้างทุกคนต้องกลับไปทำงานแบบเต็มเวลาเหมือนช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19

นายจ้างไม่ถึงครึ่งหรือ 45% บอกว่าต้องการให้ลูกจ้างบางส่วนกลับไปทำงานที่บริษัท 5 วันต่อสัปดาห์

Hybrid Work หรือ การทำงานบางส่วนในสำนักงานและบางส่วนไปทำงานที่ไหนก็ได้ มีบริษัทถึง 90% ให้การยอมรับ

การให้อิสระเรื่องสถานที่ทำงานกับลูกจ้าง กำลังกลายเป็นเรื่องปกติที่ผู้จ้างงานส่วนใหญ่ในหลายประเทศยอมรับได้

การล็อคดาวน์เพราะโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การทำงานแบบรีโมทสำหรับงานหลายตำแหน่ง ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน

พนักงานจำนวนมากที่คุ้นชินกับการทำงานที่บ้านในช่วงล็อคดาวน์บอกว่า หากนายจ้างบอกให้กลับไปทำงานแบบเต็มเวลาเหมือนเดิม จะลาออกจากงาน

การยอมให้ทำงานแบบรีโมทได้ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างจำนวนมากยอมร่วมทำงานด้วย

แม้ว่าโลกจะเริ่มมีสัญญาณภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่ยังมีตำแหน่งงานสำคัญจำนวนมากที่หาคนมาร่วมงานยาก การเสนอเงื่อนไขการทำงานแบบรีโมทแก่ลูกจ้าง เป็นหนึ่งในแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้มีคนยอมมาร่วมทำงานมากขึ้น

ธุรกิจเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกที่ย่ำแย่อย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเพราะโควิด-19 อาจได้รับผลประโยชน์ทำให้ธุรกิจดีขึ้น เพราะการจ้างงานแบบรีโมท

คนทำงานในยุโรปหรืออเมริกาที่เคยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเฉพาะช่วงเวลาพักร้อน หรือการลาหยุดหลายๆวัน ก็มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อยขึ้น

เหตุผลของการเดินทางทั่วไปในอดีต คือ “ท่องเที่ยว” หรือ “ธุรกิจ” แต่ในปัจจุบันและอนาคตจะมีสัดส่วนจำนวนมากที่ใช้เหตุผล “ทำงานแบบรีโมท”

อสังหาริมทรัพย์ การโรงแรม ก็มีโอกาสบูมตามไปด้วย บ้านเช่า ห้องพัก โรงแรม จะมีคนมาขอพักเพื่ออยู่อาศัยและใช้เป็นที่ทำงานมากขึ้น

ขอให้มีอินเตอร์เน็ต จะไปทำงานอยู่ที่ไหนบนโลกก็ได้

ประเทศไทยอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสถานที่ทำงานแบบรีโมทของชาวต่างชาติ

Source 1

Source 2

Leave a Reply