ทรินา โซลาร์ ซึ่งยึดมั่นในหลักการที่มุ่งเน้นการประหยัดต้นทุนต่อหน่วย (LCOE) กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ยุคที่มีการใช้โซลาร์ เซลล์แบบ 600W+

การพัฒนาแบบใช้คาร์บอนต่ำกลายเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลก องค์กรพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดมากกว่า 14,000 กิกะวัตต์ภายในปี 2050 หากพวกเราสามารถคุมอุณหภูมิทั่วโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้ ข้อดีหลักของพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีมากกว่าแหล่งพลังงานดั้งเดิมคือการลด LCOE ได้ โดย BloombergNEF รายงานว่า LCOE ของพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง 84% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ทรินา โซลาร์ ซึ่งใช้แนวคิดแบบมุ่งเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ได้สนับสนุนแนวคิดที่มุ่งเน้นด้าน LCOE อย่างแรงกล้า ที่กำหนดให้มีการลด LCOE ในโรงไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีพลัง ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และพลังงานสูง ดร. แฟรงค์ จาง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดผลิตภัณฑ์ของทรินา โซลาร์ให้สัมภาษณ์ว่าแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น  Vertex 600W+ ตอบโจทย์สี่ข้อหลักที่จะนำไปสู่ LCOE ต่ำอย่างเต็มที่

บริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำเกือบทุกแห่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ 600W+ ดังที่เห็นได้จากกิจกรรมที่ผ่านมา เช่น งานอินเตอร์โซลาร์ เซาธ์ อเมริกา และงานอินเตอร์โซลาร์ ยุโรป ที่บริษัทราว 30 แห่งได้จัดแสดงแผงโซลาร์เซลล์รุ่น 600W+ กว่า 40 รุ่น ผลิตภัณฑ์หลากหลายประะเภทในตลาดทำให้อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ก้าวเข้าสู่ยุค 600W+

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุด ดร. แฟรงค์ จาง ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับ 600W+ รวมถึงความสำคัญของหลักการที่มุ่งเน้นด้าน LCOE แนวโน้มด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ กลยุทธ์ในการตอบสนอง รวมถึงจุดยืนและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ของทรินา โซลาร์  

คำถาม: ทรินา โซลาร์เป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ต่อยอดแนวคิด LCOE ในด้านระบบ หลักการนี้มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อทรินา โซลาร์อย่างไร

แฟรงค์ จาง: แนวคิดที่มุ่งเน้นด้าน LCOE เกิดจากประสบการณ์จริงของเรา การพัฒนาของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์พิสูจน์ให้เราเห็นถึงสิ่งที่เราเรียกว่าสี่หลักการสำคัญ ซึ่งจำเป็นแก่การลด LCOE เราหวังว่าการนำเสนอหลักการที่มุ่งเน้นด้าน LCOE จะช่วยกระตุ้นการวิจัยและการพัฒนา รวมถึงการทำกำไรจากผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามหลักการที่มุ่งเน้นด้าน LCOE เพื่อให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมโฟโตโวลตาอิกอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพสูง

คำถาม: แผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ มีข้อดีด้านผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าอย่างไรจากมุมมองวัฏจักรชีวิตทั้งหมด และคุณบอกให้เราทราบเกี่ยวกับข้อมูลการทดสอบเชิงประจักษ์สักหน่อยได้หรือไม่

แฟรงค์ จาง: ข้อดีด้านผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ เกิดจากปริมาณความเข้มของแสงอาทิตย์ต่ำที่ยอดเยี่ยม เราพิจารณาว่าช่วงความเข้มของแสงอาทิตย์ที่ต่ำกว่า 1,000 วัตต์/ม.2 เป็นความเข้มของแสงอาทิตย์ต่ำ เนื่องจากมีการทำ STC โดยใช้ช่วงความเข้มของแสงอาทิตย์ที่ 1,000 วัตต์/ม.2 เราได้คัดเลือกสถานที่ทดสอบกลางแจ้งทั่วโลกทั้งจากเขตละติจูดสูง กลาง และต่ำ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ ดีกว่าแผงโซลาร์เซลล์รุ่นอ้างอิง รวมถึงยังมีผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.4-2.24% ในอัตรา 800 วัตต์/ม.2 และมีประมาณ 0.8% ที่ต่ำกว่า 800-1,000 วัตต์/ม.2 หากช่วงความเข้มของแสงอาทิตย์สูงกว่า 1,000 วัตต์/ม.2 แผงโซลาร์เซลล์รุ่นอ้างอิงและแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ก็มีผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ได้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับภูมิภาคทั่วไปของโลก ช่วงความเข้มของแสงอาทิตย์ต่ำกว่า 1,000 วัตต์/ม.2 ประมาณ 90-99% ในทุกครั้ง และแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ ก็มีข้อได้เปรียบด้านผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าในกรณีส่วนใหญ่

ผลการวิเคราะห์แบบครอบคลุมแสดงให้เห็นว่าแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ มีผลผลิตของพลังงานไฟฟ้าสูงกว่าแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 500W+ ทั่วไป 1.5% – 1.8%

คำถาม: คุณช่วยพูดถึงความพยายามใหม่ ๆ ของทรินา โซลาร์เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการที่มุ่งเน้นด้าน LCOE ได้หรือไม่

แฟรงค์ จาง: สำหรับเรื่องความน่าเชื่อถือของรุ่นแผงโซลาร์เซลล์ เราได้ทดสอบการรับน้ำหนักทางกลและการทดสอบที่เข้มข้นอีกห้าครั้งเพื่อตรวจสอบสมรรถนะทางกลของแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ เมื่อใช้งานภายใต้สภาวะที่ทรหด เราคาดการณ์ไว้ว่าแผงโซลาร์เซลล์รุ่นต่าง ๆ จะใช้งานได้ 25 ปีหรือแม้กระทั่ง 30 ปี ซึ่งเป็นการรับประกันถึงการผลิตไฟฟ้าและการลด LCOE อย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องของผลผลิตของพลังงานไฟฟ้า เราได้ทดสอบเชิงประจักษ์โดยใช้ละติจูดต่าง ๆ ครอบคลุมความเข้มของแสงอาทิตย์และสภาพภูมิอากาศที่หลากหลายทั่วโลก

สำหรับระบบนิเวศ ในฐานะผู้ริเริ่มของกลุ่มความร่วมมือ 600W+ Photovoltaic Open Innovation Ecological Alliance เราก็ได้ใช้แนวคิดนวัตกรรมแบบเปิดและการพัฒนาแบบร่วมมือกัน โดยเชื่อมโยงการพัฒนาและการวิจัย การผลิตหลักเข้ากับการใช้งาน เพื่อเอาชนะกับอุปสรรคนานัปการในอุตสาหกรรมและเร่งรัดการนำแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ เข้าสู่อุตสาหกรรม เรามีพันธมิตรประมาณ 100 รายที่ใช้แผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ หลักการที่มุ่งเน้นด้าน LCOE ไม่เพียงแต่จะกระตุ้นให้ทรินา โซลาร์พัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่างๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกด้านการพัฒนาพันธมิตรในอุตสาหกรรมด้วย

คำถาม: ทรินา โซลาร์ใช้เทคโนโลยีเซลล์ใดกับผลิตภัณฑ์ 600W+ คุณกล่าวหลายครั้งว่า 210 คือ “แพลตฟอร์มเทคโนโลยี” คุณช่วยอธิบายแนวคิดนี้ได้หรือไม่

แฟรงค์ จาง: เราใช้เทคโนโลยี PERC และขุมพลังของรุ่นนี้ก็อาจจะสูงถึง 660-670 วัตต์ การผลิตแผงโซลาร์เซลล์รุ่น TOPCon เอ็นไทป์ในปริมาณมากสามารถทำให้ขุมพลังเพิ่มสูงถึง 680-690 วัตต์ได้ และเมื่อรวมกับ HJT ในอนาคต ก็อาจจะสูงถึง 700 วัตต์เลย

เราเรียกว่าแพลตฟอร์มเทคโนโลยี 210 เนื่องจากเข้ากันได้กับเทคโนโลยีเซลล์ที่ทันสมัยที่สุด รวมถึง HJT บริษัท HJT เกือบ 90% ต่างเลือกแพลตฟอร์มเทคโนโลยี 210 ของเรา เราเชื่อมั่นว่าจะเข้ากันกับเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดเพอรอฟสไกต์และเซลล์แสงอาทิตย์แบบซ้อนกันประเภทอื่นได้ในอนาคตด้วย

ทรินา โซลาร์ได้จัดส่งแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 210 มากกว่า 30 กิกะวัตต์ทั่วโลก โดยมีการจัดส่งมากกว่า 50 กิกะวัตต์ทั่วทั้งอุตสาหกรรมภายในเดือนมิถุนายน คาดว่าจะมีการจัดส่งแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 210 รวมทั้งหมดถึง 80 กิกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้

คำถาม: คุณคาดหวังหรือไม่ว่าแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักในตลาด

แฟรงค์ จาง: การพยากรณ์จากที่อื่นคาดการณ์ไว้ว่าส่วนแบ่งตลาดของแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ จะสูงกว่า 50% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 หรือ 2025

มีการใช้ผลิตภัณฑ์ 600W+ ในทุกด้านในประเทศจีน ทั้งขนาดใหญ่และแบบกระจาย ส่วนในต่างประเทศ ก็มีการใช้แผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ แทบจะกับทุกโครงการขนาดใหญ่ ทรินา โซลาร์ได้ส่งมอบแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 600W+ ให้แก่โรงไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ระดับ GW มากมาย ทั่วทั้งภูมิภาคละตินอเมริกา ยุโรปและสถานที่อื่น ๆ รวมถึงในทะเลทรายและสถานที่จับปลา ในตลาดเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โดยช่วยให้อุตสาหกรรมจำนวนมากบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำได้

คำถาม: บริษัทหลายแห่งมีแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 700W+ ที่ใช้เทคโนโลยี HJT ทรินา โซลาร์มองว่าการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นอย่างไร และทางบริษัทมีกลยุทธ์อย่างไร

แฟรงค์ จาง:  ทรินา โซลาร์เตรียมพร้อมและมีปริมาณสินค้าจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยี TOPCon และ PERC

แพลตฟอร์มเทคโนโลยี 210 ทำให้เราไม่ได้เป็นคู่แข่งของ HJT แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมกันมากกว่า นอกจากนี้ เราก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วย กลยุทธ์ของบริษัท ความต้องการของตลาด และแผนการลงทุนในอนาคตจะเป็นตัวกำหนดตารางการเปิดตัวผลิตภัณฑ์

คำถาม: ผู้ผลิตบางรายได้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รุ่นที่ผลิตกำลังไฟฟ้าได้กว่า 700 วัตต์ คุณคิดว่ากำลังผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือไม่ หรือมี “โซลูชันที่เหมาะสมที่สุด”

แฟรงค์ จาง: ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้า กำลังผลิตไฟฟ้าของแต่ละรุ่นก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราเชื่อมั่นว่า 600 วัตต์จะเป็นระยะที่สำคัญ แผงโซลาร์เซลล์ รุ่น 700W+ อาจจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักในอีกสามปีข้างหน้าก็ได้

แพลตฟอร์มเทคโนโลยี 210 เข้ากันกับเทคโนโลยีเซลล์ชั้นนำมากมาย บริษัทส่วนใหญ่สามารถปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนและกรุยทางสู่การพัฒนาใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม

ทรินา โซลาร์มีผลิตภัณฑ์เอ็นไทป์ ที่จัดทำขึ้นที่แพลตฟอร์มเทคโนโลยี 210 และมีกำลังการผลิตในปริมาณมาก ซึ่งจะสูงถึง 680-690 วัตต์ และยังดีกว่าคู่แข่งอีกด้วย

เราต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแบ่งปันหลักการที่มุ่งเน้นด้าน LCOE ให้อุตสาหกรรม เราตั้งตารอคอยที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ รุ่น PV เพื่อลด LCOE เพิ่มเติมและช่วยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

Leave a Reply