ผู้อาสาสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม คราวหน้า โฆสิต สุวินิจจิต : ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปัญหาที่อนาคตพ่อเมืองต้องรีบแก้ไข น้ำท่วม อากาศพิษ รถติด เศรษฐกิจแย่

วันนี้มีคนดังที่ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม คราวหน้าแล้ว 2 คน คือ โฆสิต สุวินิจจิต และชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ดร. โฆสิต สุวินิจจิต ปีนี้อายุ 60 ปี มีประวัติเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงสื่อมวลชน เช่น อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัทมีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการบริษัทสปริง คอร์ปอเรชั่น ฯลฯ สมญานามที่ใครๆตั้งให้ คือ มือประสานสิบทิศ ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม คราวก่อน พร้อมแคมเปญ “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง”

รศ.ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปีนี้อายุ 53 ปี อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม อดีตซีอีโอ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ฯลฯ สมญานามที่ประชาชนตั้งให้ คือ “บุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”

ส่วนคนดังอื่นๆ ที่มีข่าวแว่วว่าจะลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม คราวหน้าด้วย คือ มาดามแป้ง หรือ นวลพรรณ ล่ำซำ และ กรณ์ จาติกวณิช

กำหนดเวลาเลือกตั้งยังไม่แน่นอน แต่อาจมีการประกาศในช่วงต้นปี 2563

ในฐานะที่ทำงานด้านสื่อมวลชนมานาน ก็เลยมีโอกาสได้พบคนดังหลายคน มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยมาทำข่าวอยู่บ้าง

วันนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่า จะมีใครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม บ้าง หากใครมีอะไรอยากจะฝากให้ผู้ว่าฯ กทม คนใหม่ช่วยทำ ก็ส่งข้อมูลมาได้

แต่ที่จริงปัญหาของกรุงเทพฯ มันเห็นชัดอยู่แล้ว ถ้าให้สรุปแบบที่จำง่ายๆ คือ

“น้ำท่วม อากาศพิษ รถติด เศรษฐกิจแย่”

สิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ปัญหา เช่น

สร้างทางระบายน้ำให้ไหลเวียนเร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องแก้ตัวว่าเป็นน้ำขังรอการระบาย ดูแล้วเป็นวิธีพูดแบบศรีธนณชัย

อากาศพิษของ กทม ที่ติดอันดับโลกในวันนี้ มาจากรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษไม่รู้จบ

ช่วงไหน กทม มีอากาศปิด ควันพิษก็วนเวียนอยู่ในเมือง ต้องรับอากาศพิษที่คน กทม สร้างเอาไว้เอง

แต่ช่วงไหนอากาศเปิดก็เป็นโอกาสได้ระบายควันพิษไปอยู่บ้านอื่นเมืองอื่นแทน ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร แต่ปัญหาถูกพัดพาไปอยู่ที่อื่น

เมืองใหญ่หลายเมืองเริ่มวางแผนการแก้ปัญหาอากาศพิษไว้ล่วงหน้าแล้ว เริ่มตั้งแต่จำกัดไม่ให้ใช้รถดีเซล หรือไม่ให้รถใช้น้ำมันวิ่งในบางพื้นที่ และในระยะยาวจะไม่ให้ใช้เลย ต้องใช้เป็นรถพลังงานสะอาดที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

ผู้ว่าฯ กทม คนใหม่ ต้องประสานงานกับภาครัฐหลายส่วน เพื่อออกมาตรการณ์แก้ปัญหาอากาศพิษในกรุงเทพฯอย่างจริงจัง และเร่งด่วน การสนับสนุนให้ผู้คนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นวิธีที่น่าจะได้ผลเด่นชัดที่สุด

ถึงเวลาต้องจำกัดการใช้รถส่วนตัวที่สร้างมลพิษให้เหลือน้อยลง สนับสนุนให้คนกรุงเทพฯใช้รถ BEV ซึ่งใช้เชื้อเพลิงไฟฟ้า 100% เลิกใช้น้ำมันได้แล้ว ใครซื้อรถอีวีควรให้การสนับสนุนเป็นส่วนลดต่างๆ

ถ้าเอาเฉพาะหน่วยงานที่ กทม สามารถทำได้เอง ก็พวกภาษีท้องถิ่นหรือค่าธรรมเนียมอะไรที่ กทม เป็นผู้เรียกเก็บ ก็เน้นการสนับสนุนรถเชื้อเพลิงไฟฟ้ามากเป็นพิเศษ

กทม อาจมีเลนพิเศษให้รถอีวีวิ่งเท่านั้น

รถติดใน กทม ทางออกที่ดีที่สุด คือ สนับสนุนให้มีการใช้ขนส่งมวลชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้า MRT, BTS, AIRPORT LINK และรถไฟฟ้าสารพัดสี สารพัดสาย ที่เริ่มเปิดไปแล้วหลายสาย หรือใกล้จะเปิดใหม่ในอนาคต

แต่ขนส่งมวลชนที่เป็นรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินในปัจจุบัน มันคิดค่าโดยสารในอัตราสูงมาก

สูงมากเมื่อเทียบกับรายได้ของคนทำงานส่วนใหญ่

สูงมากเมื่อเทียบกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเมืองใหญ่ทั่วโลก

ผู้ใช้รถใต้ดินและบนดินใน กทม วันนี้ มีแต่คนชั้นกลางและสูง คนมีรายได้ต่ำหมดปัญญาขึ้นรถไฟฟ้า มันแตกต่างกับเมืองใหญ่อื่นๆของโลก ที่ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็นราคาที่ประชาชนส่วนใหญ่มีกำลังซื้อได้

ถนนตามซอยที่มีคนอยู่กันมากๆ วันนี้การเข้าออกต้องพึ่งพาพี่วินรับส่ง คนจำนวนมากอยากเดินเข้าออกด้วยตัวเอง แม้จะไกลหน่อยก็ไม่เป็นไร ได้ออกกำลังกายบ้าง แต่ถนนเกือบทุกสายที่เป็นทางเข้าซอยบ้านมันไม่เอื้อต่อการเดิน

ทางเท้าที่เคยมีอยู่ในซอยส่วนใหญ่ในอดีต ถูกปรับให้กลายเป็นถนนที่กว้างขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์สำหรับรถยนต์

ถึงเวลาที่ต้องเอาทางเท้าคืนให้คนเดินได้แล้ว!!!

เศรษฐกิจแย่ มันแย่ทั้งประเทศ แต่ผู้ว่า กทม พอจะช่วยทำให้เศรษฐกิจในกรุงเทพฯดีขึ้นได้หลายทาง

ถ้าค่าโดยสารขนส่งมวลชนถูกลง จะช่วยทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนมีมากขึ้น เอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้มากขึ้น

ถ้ามีทางเท้าในซอยบ้าน ก็ไม่ต้องพึ่งพาพี่วิน เดินเข้าออกบ้านกันได้เอง ได้ออกกำลังมากขึ้น สุขภาพดีขึ้นด้วย

ระบบขนส่งมวลชนที่ดีขึ้น ราคาถูกลง เป็นการสนับสนุนให้คนใช้รถส่วนตัวน้อยลง จราจรก็จะติดขัดน้อยลง

พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยใน กทม ที่มีอยู่มากมาย มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพฯมีเสน่ห์แตกต่างจากเมืองอื่น และดึงดูดนักท่องเที่ยว ถ้าเห็นว่าที่ไหนมันเลอะเทอะมากไป ก็เข้าไปจัดระเบียบได้ แต่ไม่อยากให้ถึงขั้นไล่ที่ให้เลิกราไป

การจราจรดี อากาศดี ค่าครองชีพถูก ทำมาหากินคล่อง มีนักท่องเที่ยวเยอะ มันก็ทำให้ กทม ดีขึ้นมาได้

ปัญหาอยู่ที่ไหนใครๆก็รู้ ต้องแก้ปัญหาอย่างไรก็เห็นอยู่ตำตา แต่จะแก้ได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง

ถ้าจะแก้ปัญหาจริงๆมันแก้ได้แน่ๆ แต่อยากจะแก้หรือเปล่า หรือมีใครขวางไม่ยอมให้แก้

มันอาจมีคนที่ต้องสูญเสียที่เสียงดังกว่าออกมาปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ในขณะที่คนส่วนใหญ่ที่มีมากกว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะเสียงไม่ดังพอ

หวังว่าผู้ว่าฯ กทม คนใหม่ จะได้ทำอะไรที่ตรงกับใจของคนส่วนใหญ่บ้าง……

 

Leave a Reply