จีนเดินหน้าขอเป็นผู้นำอินเตอร์เน็ต 5G อเมริกาทำสงครามการค้าขวางทางจีน ZTE, HEUAWEI ถูกอเมริกากีดกัน

โมบายอินเตอร์เน็ตยุคที่ 5 หรือ 5G จะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในอนาคต เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับกิจกรรมในชีวิตและธุรกิจเกือบทุกอย่าง

5G จะทำให้ IoT ในอุปกรณ์จำนวนมากเชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ตได้จริงๆ เช่น รถไร้คนขับ บ้าน สำนักงาน โรงงาน ถนน เมือง ฯลฯ คอมพิวเตอร์หรือเซนเซอร์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นระบบอัจฉริยะ มีอุปกรณ์พกพา สวมใส่ หรือแม้แต่อุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวคนซึ่งช่วยทำให้ระบบการดูแลสุขภาพของผู้คนดีขึ้น

5G เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากกว่า 4G หลายร้อยเท่า มีความเร็วที่สูงกว่า 4G ไม่ต่ำกว่า 10 เท่า

มีการประเมินว่า 5G จะทำให้เกิดเป็นธุรกิจที่มีตัวเงินสูงถึง 12 ล้านล้านดอลลาร์ ตัวเงินมันสูงมาก ใครๆก็อยากมีส่วนแบ่งในตลาดบลูโอเชี่ยนซึ่งเปรียบได้กับตลาดใหม่ที่เป็นดีมานด์ใหม่สำหรับผู้คนทั่วโลก

เทคโนโลยี 5G ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ต้องทำเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในแต่ละประเทศ สมาร์ตโฟนรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ต้องเปลี่ยนระบบโทรศัพท์ให้รองรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เร็วกว่าเดิมมากกว่า 10 เท่า อุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับ 5G ต้องเป็นของใหม่ทั้งหมด คนทำโปรแกรมหรือแอปใหม่ๆต้องสร้างงานใหม่ที่รองรับระบบ 5G ได้

อเมริกาและจีนกำลังแข่งขันกันเพื่อการเป็นผู้นำ 5G ของโลก ต่างก็ต้องการเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับอินเตอร์เน็ตยุคใหม่ เพราะหมายถึงหนทางทำเงินมหาศาลที่จะเป็นรายได้หลักของแต่ละประเทศ

กุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังสงครามการค้าระหว่างอเมริกาและจีนในวันนี้ คือ ความต้องการที่จะเป็นประเทศที่ก้าวหน้ามากกว่าในเทคโนโลยี 5G

บริษัทหลายแห่งที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยี 5G ทั้งในอเมริกาและจีนกำลังเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าเพื่อแย่งความเป็นผู้นำในตลาดอินเตอร์เน็ต 5G

ZTE และ Huawei ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยี 5G จากประเทศจีนได้รับผลกระทบมากที่สุด ถูกอเมริกาเล่นงานไม่ให้เดินหน้าได้สะดวกนัก ใช้ข้ออ้างสารพัดอย่างเพื่อหยุดยั้งการเติบโต

ตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 ธุรกิจของ ZTE หดหายไปประมาณครึ่งหนึ่ง หลังจากอเมริกาสั่งแบนไม่ยอมให้ใช้เทคโนโลยีอเมริกาสำหรับสิ้นค้าที่จะขายให้อิหร่านและเกาหลีเหนือ โดนกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐตรวจสอบและเล่นงานหลายเรื่อง มีการลงโทษปรับเงิน ZTE ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ มีการสั่งบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันห้ามขายสินค้าให้ ZTE

เมื่อต้นปี 2018 หน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้เตือนคนอเมริกันไม่ให้ซื้อสมาร์ตโฟนที่ผลิตโดย Huawei เพราะอาจมีการใช้โทรศัพท์เป็นสปายมาล้วงความลับโดยรัฐบาลจีน

China Mobile ถูกบล็อกไม่ยอมให้มาทำธุรกิจบริการมือถือและอินเตอร์เน็ตในตลาดอเมริกา โดยมีข้ออ้างเรื่องความมั่นคงของประเทศ

อินเตอร์เน็ต 5G ในประเทศจีนเริ่มมีการทดลองระบบในหลายเมืองแล้ว และคงให้บริการอย่างเป็นทางการที่สมบูรณ์ในหลายเมืองภายในปี 2020 มีการคาดการณ์ว่าจุดพีคของ 5G จะอยู่ช่วงปี 2021-2022

Huawei ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ หรือ MoU มากถึง 25 ฉบับ กับเทเลคอมโอเปอเรเตอร์เพื่อทดลองเครื่องมือสำหรับ 5G เช่น Britain’s BT, Bell Canada (BCE), France’s Orange, Germany’s Deutsche Telekom, Vodafone

ในประเทศไทยก็มีข่าวที่เปิดเผยโดยรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่า เราจะให้เทคโนโลยี 5G ของ Huawei

มีการประเมินว่าประเทศจีนจะทำการลงทุนใน 5G Mobile Network มากถึง 411,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร ในช่วงระหว่างปี 2020 – 2030 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากจริงๆ

ประเทศไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน จีนมีประมาณ 1,200 ล้านคน เทียบแล้วไทยคิดเป็น 1 ใน 17 ส่วนของจีน นั่นหมายความว่าถ้าต้องการลงทุนในอินเตอร์ 5G ของไทยให้ดีเหมือนจีน ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 24,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยคร่าวๆประมาณ 800,000 ล้านบาท

ตัวเลขงบประมาณนี้รวมกันแล้วใกล้เคียงกับงบประมาณโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง คือ 1.สายกรุงเทพฯเชียงใหม่ 387,821 ล้านบาท 2.สายกรุงเทพฯหนองคาย 170,450 ล้านบาท 3.สายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ 124,327.9 ล้านบาท และ 4.สายสนามบินสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง 100,631 ล้านบาท

ไม่รู้ว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เตรียมงบประมาณเอาไว้สำหรับส่งเสริมหรือพัฒนาอินเตอร์เน็ต 5G ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบการสื่อสารของโลกยุคใหม่ไว้มากน้อยแค่ไหน???

https://www.cnbc.com/2018/07/06/a-major-factor-behind-the-us-china-trade-war-is-winning-in-a-crucial-t.html

https://www.scmp.com/tech/china-tech/article/2098948/china-plans-28-trillion-yuan-capital-expenditure-create-worlds

 

Leave a Reply