การเปิดรับเงินคริปโตขององค์กรใหญ่และบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกจำนวนมาก ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า มันอาจกลายเป็นกระแสหลักของทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้มันเป็นเครื่องมือในการโอนจ่ายเงินข้ามแดนระหว่างประเทศ
ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2019 ที่ผ่านมา มีข่าวว่ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของโลกไอบีเอ็ม และวีซ่าบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตอันดับหนึ่งของโลกได้ส่งสัญญาณการโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาดคริปโต
ในปี 2019 มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับเงินคริปโตก่อนหน้านี้หลายครั้ง เช่น
ธนาคารกลางของหลายประเทศเตรียมออกเงินคริปโตของประเทศ
เฟซบุ๊ก เตรียมออกเฟซคอยน์สำหรับผู้ใช้สื่อโซเชียลในเครือ คือ วอทซ์แอป เฟซบุ๊ก อินสตาร์แกรม นับเฉพาะฐานผู้ใช้ที่มีอยู่ก็รองรับได้มากกว่าสองพันล้านคน
เจพีมอร์แกนที่เคยดูถูกเหยียดหยามเงินคริปโตว่าเป็นเรื่องหลอกลวง พอได้เข้ามาศึกษาเทคโนโลยีแบบเจาะลึกมากขึ้น ทำให้เห็นประโยชน์ที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจได้
สมาร์ตโฟนอันดับหนึ่งของโลกซัมซุง ปีนี้มีกาแล็คซี่ เอส10 มีแอปรองรับการทำงานเป็นกระเป๋าเงินคริปโตได้ด้วย
ดูเหมือนว่าสถาบันการเงินและบริษัทเทคโนโลยีกำลังเร่งรีบในการพัฒนาเงินคริปโตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมีความเป็นไปได้ว่าในปี 2019 อาจได้เห็นการยอมรับเงินคริปโตมาใช้กันในวงกว้างแบบแมส
เงินคริปโตจำนวนมากที่อยู่ในตลาดวันนี้ มูลค่ามีความผันผวนค่อนข้างรุนแรง มีการซื้อขายเพื่อการเก็งกำไรกันมาก เคยถูกโจมตีจากรัฐบาลหลายประเทศว่าเป็นการหลอกลวง
เงินคริปโตถูกใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนของบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทใหญ่หลายแห่ง มันสามารถทำหน้าที่ระดมเงินทุนเหมือนการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศต่างๆ แต่การออกเงินคริปโตมีต้นทุนในการระดมทุนต่ำกว่า
การเก็งกำไรเงินคริปโตและการออกเหรียญเพื่อระดมทุน ค่อนข้างมีภาพลบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เงินผันผวนทำให้ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงสูงจนใกล้เคียงกับการเล่นการพนัน และการระดมทุนออกเหรียญใหม่ๆหลายรายกลายเป็นการหลอกลวงเอาเงินผู้ซื้อเหรียญด้วยธุรกิจที่ไม่มีจริง
แต่การประยุกต์เอาเงินคริปโตไปใช้เป็นเครื่องมือในการโอนเงินข้ามแดนเป็นแนวคิดที่ใช้ได้จริง และอาจทำให้การโอนเงินข้ามแดนผ่านตัวกลางที่เป็นสถาบันการเงินหรือธนาคารได้รับความเดือดร้อนโดนแย่งธุรกิจไปเป็นจำนวนมาก
ข่าวใหญ่ในช่วงนี้มาจากไอบีเอ็ม ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเทคฯแนวหน้าที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีบล็อคเชนซึ่งเป็นหลังบ้านสำคัญของเงินคริปโตทุกชนิด
บล็อคเชนของไอบีเอ็มในปัจจุบัน มีลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมากกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ เพราะมันสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการโอนเงินข้ามแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้นทุนต่ำมาก
มีข่าวว่าธนาคารใหญ่ของโลก 6 แห่งต้องการออกเหรียญ Stablecoin โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนของไอบีเอ็ม
ธนาคารที่มีข่าวว่าจะร่วมมือกับไอบีเอ็ม เช่น Brazil’s Bradesco Bank, South Korea’s Bank Busan, Philippines’ Rizal Commercial Banking Corporation
ที่จริงมีข่าวก่อนหน้านี้แล้วว่า มีมากกว่า 44 ธนาคารในโลกที่ร่วมใช้ระบบของไอบีเอ็ม ระบบเหรียญของไอบีเอ็ม สามารถรองรับได้มากกว่า 47 สกุลเงินสำหรับการจ่ายเงินระหว่าง 72 ประเทศ
การใช้เงินคริปโตเป็นเครื่องมือในการโอนเงินจ่ายไปมาระหว่างประเทศมีสตาร์ทอัพหลายแห่งใช้ได้ผลดีมาแล้ว และแย่งธุรกิจของสถาบันการเงินไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้ธนาคารต่างๆต้องการโดดเข้ามาใช้วิธีนี้ด้วย
การโอนเงินข้ามประเทศแบบเก่าที่ทำกันทั่วไป ใช้ธนาคารเป็นตัวกลาง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันสูง และมีค่าธรรมเนียมในแต่ละประเทศทั้งต้นทางและปลายทาง
แต่การโอนเงินโดยใช้เงินคริปโตเป็นเครื่องมือ ทำได้โดยการซื้อขายคริปโต เช่น ซื้อคริปโตในฮ่องกงแล้วขายในฟิลิปปินส์ ก็เหมือนกับการโอนเงินจากฮ่องกงไปให้ปลายทางที่ฟิลิปปินส์
เหตุผลหลักที่หลายบริษัทต้องการออกเหรียญคริปโตแบบ Stablecoin เพราะต้องการป้องกันความผันผวนของราคา โดยการกำหนดค่าที่แน่นอนว่าเหรียญที่ออกมานั้นมีสกุลเงินหลักของโลกหรือหลักทรัพย์รองรับมูลค่าที่แน่นอน แต่ในภาคปฏิบัติจริงการสร้างเงินคริปโตที่มีมูลค่าคงที่ตลอดอาจทำได้ค่อนข้างยาก
นอกจากไอบีเอ็มแล้ว ในช่วงนี้มีข่าวด้วยว่าวีซ่าจะโดดเข้าตลาดคริปโต ตอนนี้กำลังสร้างทีมงานใหญ่ อยู่ระหว่างเตรียมการ ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัด
วีซ่าและบัตรเครดิตอินเตอร์เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการโอนจ่ายเงินข้ามแดนระหว่างประเทศจำนวนมาก หากมีการใช้เงินคริปโตเป็นเครื่องมือ มันสามารถสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนมาก
https://ihodl.com/topnews/2019-03-19/6-major-banks-want-launch-stablecoin-ibm-blockchain-platform/