ซอฟท์แวร์หรือแอปชื่อดังที่ใช้ช่วยงานธุรกิจฝั่งอเมริกา คือ Slack, Microsoft Teams ส่วนฝั่งจีนที่มีคล้ายคลิงกัน คือ DingTalk, WeChat Work
วีแชทของเท็นเซ็นต์เป็นแอปสารพัดประโยชน์ที่คนจีนเกือบทุกคนมีอยู่ในสมาร์ตโฟน ในแต่ละเดือนมีคนใช้กันเป็นประจำมากกว่าหนึ่งพันล้านคน
อาลีบาบา และเท็นเซ็นต์ เป็นคู่แข่งที่ทำสงครามเทคแย่งชิงผู้บริโภคจีนในเกือบทุกสนามเทคโนโลยี ทั้งสองบริษัทเป็นมักกรยักษ์ที่มีกำลังสูสีกัน
ในสนามแอปแชท ค่ายเท็นเซ็นต์เป็นเจ้าตลาดที่หาใครมาโค่นได้ยาก อาลีบาบาไม่อยากให้คนจีนผูกติดอยู่กับวีแชทมากเกินไป เพราะหมายถึงโอกาสที่จะใช้ WeChat Pay มากขึ้น เดี๋ยวจะใช้ Alipay น้อยเกินไป
หากอาลีบาบาออกแอปแชทสารพัดประโยชน์มาแข่งกับเท็นเซ็นต์แบบตรงๆ โอกาสที่จะเทียบเคียงหรือเอาชนะคงเป็นไปได้ยาก จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแอปใหม่ที่มุ่งเน้นเพื่อธุรกิจเป็นหลัก
DingTalk ก่อตั้งช่วงปลายปี 2014 และเริ่มปล่อยแอปให้ทดลองใช้ตั้งแต่ต้นปี 2015
ชื่อแอปอย่างเป็นทางการ คือ DingTalk แต่คนทั่วไปมักเรียกว่า Ding Ding ตรงกับเสียงที่ได้ยินจากมือถือเวลามีข้อมูลส่งเข้ามา
คุณสมบัติที่ช่วยทำให้การบริหารองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เจ้านายจีนชอบมาก
วันนี้มีบริษัทจีนเกือบสิบล้านแห่งติดตั้งแอป DingTalk แล้วยังบังคับให้พนักงานในบริษัททุกคนติดตั้งแอปนี้ด้วย โดยรวมแล้วมีผู้ใช้งาน DingTalk ในปัจจุบันมากกว่า 100 ล้านคน
บริษัทสามารถเชื่อมต่อข้อมูลดิจิตอลกับพนักงานทุกคนแบบ 24/7 หรือยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่งข้อความสั้นๆหรือไฟล์ขนาดใหญ่ไปมาได้ โทรศัพท์คุยกันได้ ประชุมหรือคุยกันแบบกลุ่ม อนุมัติงาน ช่วยสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ ฯลฯ
คุณสมบัติหลายอย่างของ DingTalk มีเอาไว้สั่งงานหรือควบคุมการทำงานของพนักงานโดยตรง โดยใช้สมองกลเป็นผู้กำกับดูแล
แอปนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเจ้านายโดยเฉพาะ!!!
ช่วงเวลาตอนเช้าก่อนเวลาเข้างาน พนักงานที่มีแอปนี้อยู่ในเครื่อง ก่อนเวลาเข้างานประมาณ 5-10 นาที ถ้ายังไม่ถึงที่ทำงาน จะมีดิ้งๆเป็นข้อความมาเตือนว่า “รีบหน่อย อาจเข้างานสายนะ” พนักงานที่อยู่บนรถไฟฟ้าหรือเดินบนถนนต้องรีบโกยอ้าวอย่างรวดเร็วเพื่อเข้างานให้ทันเวลา
พอพนักงานถึงที่ทำงานก็ไม่ต้องตอกบัตร สแกนบัตร หรือแสดงตนอะไรเพื่อแจ้งใครรู้ว่าถึงที่ทำงานแล้ว เพราะเมื่อถึงบริษัท สมาร์ตโฟนของพนักงานแต่ละคนจะเชื่อมต่อกับไวไฟของบริษัททันที เท่ากับรายงานแบบอัตโนมัติผ่านระบบดิจิตอลแล้วว่าได้มาถึงที่ทำงานแล้ว
มาช้าเพียง 1 นาที ก็หมายถึงมาสาย จะสายด้วยเหตุผลอะไรไม่มีใครรับฟัง ไม่รู้จะเถียงกับระบบได้อย่างไร สายหลายครั้งอาจโดนตัดเงินตามกฎของบริษัท
ไปห้องน้ำบ่อยๆหรือไปนาน ไปกินกลางวันนานเกินไป ระบบบอกได้หมด เพราะขาดการเชื่อมต่อกับไวไฟของสำนักงาน
DingTalk มี GPS ใครไปไหนมาไหนหรืออยู่ที่ไหน มีข้อมูลรายงานให้เห็นอย่างชัดเจน และเชื่อมต่อกับฝ่ายบุคล มีผลต่อการประเมินผลการทำงานของพนักงาน
เวลามาทำงานสายโดนตัดเงินเดือน แต่ทำงานล่วงเวลา ไม่มีใครได้เงินพิเศษ
เวลาเลิกงานปกตี 6 โมงเย็น แต่เจ้านายหลายคนชอบเริ่มต้นการประชุมตอน 5 หรือ 6 โมง กว่าจะประชุมเสร็จก็ 2-3 ชั่วโมง
หลังเลิกงาน พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าออกจากที่ทำงานทันที ยิ่งเจ้านายยังอยู่ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าออก จะมีคนคอยดูว่าใครใจกล้าออกจากที่ทำงานเป็นคนแรก
วัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 หรือ เริ่มงานเก้าโมงเช้า เลิกงานเก้าโมงกลางคืน หกวันต่อสัปดาห์ เป็นเรื่องปกติที่เห็นได้โดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีน
พนักงานที่แจ้งบริษัทว่าออกไปทำงานข้างนอกตามนัดหมายหรือลาหยุดไปหาหมอ ฝ่ายบุคคลตรวจสอบได้โดยดูจาก GPS ที่ติดตามพนักงานไปทุกที่ ใครโกหกมีโอกาสถูกจับผิดได้ง่าย
เวลามีเสียงส่งข้อความเข้าหาพนักงาน แล้วยังไม่ยอมเปิดมือถืออ่าน ผู้ส่งก็จะรู้ และส่งซ้ำมาเป็นเสียงเตือนให้เปิดอ่านโดยด่วน แทบจะหลีกเลี่ยงการติดตามไม่ได้
ในโลกโซเชียลจีน มีการพูดถึง DingTalk ในแง่ลบกันมาก เป็นแอปที่คนทำงานจีนเกลียดที่สุด บางคนบอกว่าอยากจะชกหน้าคนสร้างแอปนี้ขึ้นมา!!!
เจ้านายจีนชอบแอปนี้และสั่งให้พนักงานติดตั้งกันมาก แต่บริษัทที่เป็นของชาวตะวันตกในจีน ยังไม่มีข้อมูลว่าบริษัทฝรั่งแห่งไหนเริ่มใช้ DingTalk กันแล้ว
อาลีบาบาทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อทำให้แอปแชทของตัวเองมีพลังพอจะสู้กับวีแชทของเท็นเซ็นต์ได้บ้าง
วันนี้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ค้าขายอยู่กับลาซาด้าของอาลีบาบาถูกบังคับให้ติดตั้ง DingTalk เอาไว้คุยกับลาซาด้า
ตอนนี้ DingTalk รองรับภาษาอังกฤษแล้ว เจ้านายรายไหนสนใจลองไปดาวน์โหลดมาใช้กันได้
ใช้แล้วได้ผลเป็นอย่างไร มาเล่าให้ฟังกันบ้าง……
https://www.techinasia.com/alibaba-enterprise-messenger-dingtalk