TikTok แอปสื่อโซเชียลสัญชาติจีน เพิ่งเปิดตัวในปี 2017 มีวิดีโอสั้นๆ ยาวแค่ 3-15 วินาที กำลังดังระเบิดทั่วโลก วันนี้มียอดดาวน์โหลดทั่วโลกมากกว่า 1,450 ล้านครั้ง นับเฉพาะประเทศอเมริกามียอดดาวน์โหลดมากถึง 110 ล้านครั้ง
ติ๊กต๊อก กลายเป็นกระแสกระหน่ำโลกออนไลน์เพราะคลิปวิดีโอสั้นๆที่ตลกและเริ่มนิยมในหมู่เด็กวัยรุ่น วันนี้เริ่มระบาดเข้ามาในกลุ่มผู้ใหญ่ ประเทศไทยก็กำลังเป็นกระแสดังมากเช่นกัน
ในอเมริกา เริ่มมีนักการเมืองออกมาแสดงความเห็นว่า TikTok เป็นแอปที่บริษัทจีนเป็นเจ้าของ อาจเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ข้อมูลผู้ใช้งานจะถูกทางการจีนเก็บเอาไว้หมด และยังมีการเซนเซอร์การประท้วงทางการเมืองต่างๆที่เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน
เดือนตุลาคม 2019 มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก นายใหญ่เฟซบุ๊ก คู่แข่งโดยตรง โจมตี ติ๊กต็อก ว่าเป็นแอปที่โดนเซนเซอร์
ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ออกมาตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ว่า ข้อมูลผู้ใช้ในอเมริกาถูกเก็บไว้ในอเมริกา โดยมีการแบ็กอัพข้อมูลไว้ในสิงคโปร์
ทางผู้บริหาร ByteDance แจ้งเพิ่มเติมว่า ศูนย์ข้อมูลทั้งหมดอยู่นอกประเทศจีน และไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายจีน มีการยืนยันว่า ไม่เคยเอาข้อมูลอะไรที่เป็นประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับประเทศจีนออก และไม่เคยได้รับการร้องขอจากรัฐบาลจีนให้ทำอะไร ถึงขอเข้ามาก็คงไม่ทำให้ด้วย
ByteDance เริ่มทำแอปคลิปวิดีโอสั้นๆแบบนี้จนประสบความสำเร็จอย่างมากมาก่อนในประเทศจีน ชื่อว่า Douyin และนำรูปแบบธุรกิจที่เหมือนกันมาสร้างเป็น TikTok ที่เป็นแอปสำหรับนอกประเทศจีน
แอปดังๆในสังกัด ByteDance คือ Toutiao, TikTok, BuzzVideo, Vigo Video
วันนี้ ByteDanceได้ชื่อว่าเป็นสตาร์ทอัพยูนีคอร์นที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก คือ 75,000 ล้านดอลลาร์
เทคโนโลยีจีนกำลังมาแรง และมีความเป็นไปได้ที่จะแซงอเมริกาในอีกไม่นาน
นับเฉพาะสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ในปัจจุบันประเทศจีนมี 206 แห่ง ในขณะที่อเมริกามีน้อยกว่า คือ 203 แห่ง
แพลตฟอร์มหรือแอปจีน มักจะทำอะไรที่ประยุกต์ให้เหมาะกับท้องถิ่นหรือความต้องการของผู้ใช้ในแต่ละประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว และมีช่องทางทำเงินได้มาก
แต่ถ้าเป็นฝั่งอเมริกาจะเปลี่ยนแปลงช้ากว่า และจะเน้นให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับแพลตฟอร์มหรือแอปของอเมริกัน
เหตุผลของอเมริกันที่ตำหนิ TikTok ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้างสกัดโต
ยอดดาวน์โหลดของ TikTok ที่มีมากถึง 110 ล้านในอเมริกา มันเท่ากับ 1 ใน 3 ของประชากรสหรัฐฯ และมีการเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันหมายถึงการเผยแพร่ทางวัฒนธรรมหรือแนวความคิดแบบจีนเข้าไปในอเมริกามากขึ้น
รายได้ค่าโฆษณาของสื่อโซเชียลขาใหญ่ของโลก อย่าง YouTube, Facebook อาจมีปัญหาโดนแบ่งเค้กจากสื่อโซเชียลจีน มีโอกาสที่จะโดนโจมตีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มีการคาดการณ์แบบร้ายๆว่า ByteDance อาจเป็นเหยื่อรายใหม่ของอเมริกา ตามมาจาก Huawei
เป็นที่เข้าใจได้ว่า อเมริกา ที่เป็นเบอร์หนึ่งของโลกมานาน คงต้องทำอะไรเพื่อสกัดไม่ให้ จีน โตเร็วเกินไป แต่ดูเหมือนว่าจะต้านได้ยากเต็มที…..
https://www.chinadaily.com.cn/a/201906/25/WS5d115140a3103dbf14329f45.html
https://qz.com/1732991/chinas-hurun-list-says-china-has-more-unicorns-than-us/