Made in China 2025 แผนการที่จีนต้องการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมไฮเทคโลก มีตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามการค้าอเมริกา-จีน ความยากลำบากที่โดนอเมริกากีดกันทางการค้า ทำให้จีนต้องปรับเปลี่ยนแผนใหม่
บริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่งถูกสหรัฐฯแบน มีการสั่งห้ามบริษัทอเมริกันส่งออกเทคโนโลยีต้นน้ำสำคัญให้จีน โดยมีข้ออ้างสารพัดอย่าง เช่น จะเข้ามาล้วงความลับอเมริกา จีนไม่เป็นธรรมทางการค้าต่อบริษัทอเมริกัน ละเมิดลิขสิทธิ์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯลฯ
แต่เบื้องหลังที่แท้จริง คือ อเมริกาต้องการสกัดไม่ให้จีนโต กลัวว่าจะแซงหน้าความเป็นเจ้าโลกของอเมริกา แผนการ Made in China 2025 เป็นอะไรที่สร้างความหวาดหวั่นและหยามอเมริกาอย่างมาก
จีนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการหาทางพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น
ในปี 2018 จีนใช้เงินนำเข้าผลิตภัณฑ์วงจรรวมที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์สารพัดอย่างประมาณ 320,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ใช้เงินนำเข้าน้ำมันน้อยกว่า คือ 240,000 ล้านดอลลาร์
ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้า บีบให้จีนเร่งคิดค้นและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆของตัวเอง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต้นน้ำจากอเมริกาให้เหลือน้อยที่สุด หรือไม่ต้องใช้เลย
สินค้าไฮเทคจีนในวันนี้ ขาดอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่า 80 ชนิด ขาดแคลนวัสดุเทคนิเคิลที่เป็นกุญแจสำคัญ 20 ชนิด และไม่มีกระบวนการผลิตสำหรับเทคโนโลยีชั้นสูงอีก 30 รายการ
รัฐบาลปักกิ่งปรับแผน Made in China 2025 ใหม่ โดยตั้งเป้าว่า ภายในปี 2020 จะเพิ่มการใช้ส่วนประกอบที่เป็นกุญแจสำคัญของเทคโนโลยีจากโรงงานภายในประเทศให้ได้ 40% และเพิ่มเป็น 75% ภายในปี 2025
สิ้นปี 2019 ประเทศจีน มีโรงงานที่เป็นศูนย์กลางผลิตนวัตกรรมสำคัญ 15 อุตสาหกรรม แต่จะเพิ่ม National Manufacturing Innovation Centres ให้ครอบคลุมครบทั้ง 40 อุตสาหกรรมหลัก ภายในปี 2025
ตัวอย่างของศูนย์กลางนวัตกรรมที่จีนได้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2016 คือ การวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
Lenovo ของจีนซึ่งวันนี้เป็นคอมพิวเตอร์พีซีที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งของโลก หากไม่ได้ชิปหรือเทคโนโลยีต้นน้ำหลายอย่างจากต่างประเทศ อาจทำให้เกิดปัญหาการผลิตที่ส่งผลต่อการขาย
Huawei ซึ่งวันนี้แซงหน้า iPhone ไปแล้ว และเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G ถูกอเมริกาพุ่งเป้าเล่นงานรุนแรงมาก ลูกสาวของผู้ก่อตั้งหัวเว่ยยังถูกจับอยู่ในแคนาดาตามการบีบบังคับของอเมริกา
AI ที่เป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุคนี้ งานวิจัยและพัฒนาหลักมาจากอเมริกา หากจีนไม่ได้ทำอะไรด้วยตัวเอง โอกาสก้าวหน้าจะยากลำบากมาก
ในขณะที่จีนพยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต้นน้ำจากอเมริกา ด้านอเมริกาก็พยายามดึงให้โรงงานที่ไปผลิตสินค้าอยู่ในต่างประเทศ หันมาสร้างโรงงานและผลิตสินค้าในอเมริกามากขึ้น
เทคโนโลยี 5G ที่อเมริกายังตามหลัง หัวเว่ย ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกันมาก วันนี้ภาครัฐของอเมริกาได้แสดงเจตนาที่จะสนับสนุนเต็มที่ มีงบวิจัยพัฒนา 5G ให้มากถึง 750 ล้านดอลลาร์
ในมุมมองของผู้บริโภค ใครๆก็อยากใช้เทคโนโลยีดีๆ แต่สินค้าแบบเดียวกันจากอเมริกาที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับของจีน มันมีราคาแพงกว่าของจีนมาก
Profit Margin หรืออัตรากำไรของธุรกิจหลักของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของจีนในปี 2018 อยู่ที่ 6.49% และในปี 2019 น่าจะลดลงเหลือ 5.9% ในขณะที่สหรัฐอเมริกาในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ยังมาร์จิ้นสูงอยู่ที่ 8.5%
แต่เมื่อเปรียบเทียบเป็นราคาสินค้าที่ถึงมือผู้บริโภค สินค้าอเมริกาส่วนใหญ่มีราคาสูงกว่าสินค้าจีนประมาณ 20-30%
ความพยายามสกัดจีนของอเมริกาคงทำให้จีนเดินหน้าช้าลงบ้าง แต่อนาคตที่จะได้เห็นจีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลกมันใกล้ความจริงไปทุกที….