AIพลิกโฉมอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ แอพติดตามความเจ็บป่วย ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ตรวจพบมะเร็ง ค้นหายาใหม่ๆได้รวดเร็วขึ้น

วิดีโอตามลิงค์ที่แนบมา ได้รวบรวมให้เห็นถึงการใช้งาน AI สำหรับอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพในปัจจุบันและอนาคตไว้น่าสนใจมาก แปลเป็นไทยได้ตามนี้….

AI เป็นความหวังใหม่ในการสร้างสุขภาพที่ดีขึ้นของโลก

ประมาณ 86% ของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพใช้เทคโนโลยี AI

ภายในปี 2020 จะมีการใช้เงินเฉลี่ย $54 พันล้าน ในโครงการ AI

 

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของ AI ที่เอามาช่วยงานทางด้านอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ

 

การบริหารจัดการข้อมูลเป็นงานที่ AI และระบบออโตเมชั่นมีการใช้อย่างกว้างขวางมากที่สุด

หุ่นยนต์ทำหน้าที่รวบรวมเก็บและติดตามข้อมูลได้รวดเร็วกว่า การเข้าถึงก็ทำได้สม่ำเสมอกว่า

งานที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น การวิเคราะห์ผลทดสอบและซีทีสแกนสามารถทำได้เร็วกว่าและมีความถูกต้องแม่นยำมากกว่าด้วยหุ่นยนต์

ต่อไปในอนาคต จะมีแต่กรณีที่ซับซ้อนที่สุดเท่านั้นถึงต้องใช้คนจริงช่วยให้คำแนะนำ

 

ระบบผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์สามารถทำการผ่าตัดได้รายละเอียดเรียบร้อยดี และในพื้นที่แคบๆของการผ่าตัด จะมีการสั่นไหวน้อยกว่าการใช้มือของหมอเพียงอย่างเดียว

 

การรักษาแบบเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลเป็นเรื่องใหม่ในวงการแพทย์

ระบบเอไอจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้

แอปมือถือในอนาคตจะให้คำปรึกษาด้านการแพทย์โดยพิจารณาจากประวัติทางการแพทย์ของแต่ละบุคล และความรู้ทั่วไปทางการแพทย์

ผู้ใช้งานจะรายงานอาการเข้าไปในแอปโดยใช้เสียงพูดที่ระบบจดจำได้ มันสามารถเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลการเจ็บป่วยที่มีอยู่ หลังจากนั้น แอปจะเสนอคำแนะนำโดยคำนึงถึงประวัติทางการแพทย์ของผู้ใช้งาน

 

ผู้ป่วยเรื้อรังจะได้ประโยชน์จากระบบพยาบาลดิจิตอล มันช่วยมอร์นิเตอร์ตรวจสอบสภาพผู้ป่วยและติดตามผลการรักษา โปรแกรมใช้ Machine Learning เพื่อสนับสนุนในการรักษาผู้ป่วย

 

การพัฒนายารักษาโรคสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ย่นเวลาไปหลายสิบปี และประหยัดต้นทุนนับพันล้านดอลลาร์

เมื่อเร็วๆนี้ มีโปรแกรมที่ใช้เอไอในการสแกนยาที่มีอยู่เพื่อเอาไปปรับปรุงใหม่สำหรับการต่อสู้กับไวรัสอีโบลา โปรแกรมเอไอได้ค้นพบตัวยาสองชนิดซึ่งอาจมีผลกับการต่อสู้กับเชื้ออีโบลา โดยปกติแล้วการวิเคราะห์แบบนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี

 

ด้วยความช่วยเหลือของเอไอ การสแกนร่างกายสามารถตรวจพบตำแหน่งที่เป็นมะเร็งและโรคหลอดเลือดได้แต่เนิ่นๆ และสามารถคาดการณ์ปัญหาสุขภาพที่ผู้คนอาจต้องเผชิญโดยพิจารณาตามพันธุกรรมของผู้ป่วย

 

อุปกรณ์อีเลกโทรนิกส์ที่ฝังอยู่ในเสื้อผ้าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับอนาคต อุปกรณ์สวมใส่แบบสมาร์ตสำหรับการตรวจสอบสุขภาพจะช่วยมอร์นิเตอร์อัตราการเต้นของหัวใจและระดับกิจกรรมต่างๆ มันสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น มีการส่งข้อมูลทุกอย่างกลับไปให้แพทย์ผู้รักษา

 

การบริหารจัดการทางการแพทย์เป็นอีกด้านหนึ่งที่มีความก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ กล้องของสมาร์ตโฟนมีการเชื่อมต่อกับระบบเอไอที่ก้าวหน้า สามารถยืนยันได้ว่าผู้ป่วยได้รับยาตามกำหนดเวลา ซึ่งช่วยทำให้พวกเขาจัดการกับสุขภาพของตัวเองได้

 

การใช้งานทั่วไปของเอไอที่มีมากที่สุด อาจมีสำหรับคนที่มีอาการป่วยรุนแรง และผู้ป่วยที่มีแนวโน้มจะต่อต้านคำแนะนำของแพทย์

 

เอไอสามารถช่วยงานแพทย์ในประเทศที่กำลังพัฒนาในการแปลความหมายของการอัลตราซาวด์ เพื่อช่วยทำให้สามารถระบุอาการและการรักษาโรคหัวใจได้ดีขึ้น

 

เครื่องตรวจ MRI ซึ่งมีเอไอเชื่อมต่อดูการเต้นของหัวใจ ทำให้ขบวนการสแกนใช้เวลาเพียง 6-10 นาที แทนที่จะต้องทำนานเป็นชั่วโมง มันยังสามารถให้ข้อมูลแบบ 7 มิติ พร้อมกับระบบภาพสามมิติของ กายวิภาคศาสตร์หัวใจ อัตราการไหลเวียนของเลือด และทิศทางการไหลเวียนของเลือด

 

การมอร์นิเตอร์ผู้ป่วยด้วยเอไอแบบรีโมทระยะไกลจะบอกคนได้ว่าพวกเขากำลังจะป่วย บอกได้ก่อนที่อาการของโรคจะเกิดขึ้นจริงๆ

Leave a Reply