ในงานพบปะภายในเพื่อประชุมกับพนักงานอเมซอนเมื่อสัปดาห์ก่อน เจฟฟ์ เบโซส บอกพนักงานว่า อเมซอนไม่ได้ใหญ่เกินกว่าจะล้ม หน้าที่ของพวกเรา คือ เลื่อนเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้
พนักงานคนหนึ่งถามซีอีโอเกี่ยวกับอนาคตของอเมซอน แล้วอยากได้ความเห็นเกี่ยวกับบทเรียนที่ได้รับจากข่าวการล้มละลายของ Sears และเครือข่ายค้าปลีกอื่นๆ
เจฟฟ์ เบโซส ตอบว่า..
“อเมซอนไม่ได้ใหญ่เกินไปกว่าจะล้ม… ที่จริงแล้ว ผมคาดการณ์ว่า วันหนึ่งอเมซอนจะล้มเหลว อเมซอนจะล้มละลาย ถ้าคุณมองไปที่บริษัทขนาดใหญ่ทั้งหลาย แนวโน้มของช่วงชีวิตจะอยู่ที่ 30 ปีบวก ไม่ใช้ 100 ปีบวก”
นายใหญ่อเมซอนกล่าวต่อว่า กุญแจสำคัญที่จะยืดเวลาออกไปให้ได้นานๆ คือ การครอบงำตัวเองให้จดจ่ออยู่กับลูกค้า และพยายามหลีกเลี่ยงการมองเข้ามาข้างในเพื่อคิดถึงตัวเอง
“ถ้าเราเริ่มโฟกัสไปที่ตัวเองแทนที่จะโฟกัสไปที่ลูกค้าของเรา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ”
“เราต้องพยายาม และเลื่อนวันนั้นออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
นอกจากธุรกิจขายสินค้าออนไลน์แล้ว วันนี้อเมซอนกำลังประสบความสำเร็จอย่างมากในหลายสาขา เช่น Cloud-Computing, Voice Assistant
ในปี 2017 อเมซอนมีส่วนแบ่งตลาดสินค้าออนไลน์ในอเมริกา 43% และคาดว่าในปี 2018 จะเพิ่มขึ้นเป็น 48% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดรวม
ในปัจจุบัน อเมซอนและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกา กำลังถูกจ้องเล่นงานเรื่องการผูกขาดตลาดจากรัฐบาลในสหรัฐฯและยุโรป
แม้ว่า อเมซอนจะแข่งขันอยู่กับบริษัทเทคอื่นๆ แต่ เจฟฟ์ เบโซส มองเห็นว่าแต่ละแห่งมีสิ่งที่แตกต่าง และความโดดเด่นไม่เหมือนกัน
“อเมซอนมีเรื่องราวดีๆที่จะบอกกับผู้คนถึงการปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น รูปแบบธุรกิจก็แตกต่างกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น”
“เฟซบุ๊กก็ไม่เหมือนกับกูเกิล และแอปเปิลไม่เหมือนอเมซอน… ผมไม่ต้องการความรู้สึกว่ากำลังต่อสู้กับบริษัทเทคฯใหญ่อื่นๆ… ผมเพียงแต่ต้องการพูดเกี่ยวกับอเมซอน”
ในการประชุมกับพนักงานอเมซอนครั้งนี้ เจฟฟ์ เบโซส คุยแบบสนุกๆกับพนักงานถึงบริษัทที่มีอายุยืนยาวนับร้อยปีว่า…
“บริษัทส่วนใหญ่ที่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปีคือโรงเบียร์…. มันดูน่าสนใจจริงๆ แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันบอกอะไรเกี่ยวกับสังคม”
เจฟฟ์ เบโซส เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายครั้งว่า อเมซอนคงไม่อยู่ค้ำฟ้าตลอดกาล คงต้องมีวันที่ล้มเหลวแน่ๆ แต่เขาหวังไว้ว่าวันที่อเมซอนล้มเหลว คงเป็นวันที่เขาจากโลกไปแล้ว จะได้ไม่ต้องอยู่ดูให้ช้ำใจ!!!
.