หลังการก่อตั้งบริษัทมานาน 24 ปี วันจันทร์ที่ 7-01-2019 นับเป็นวันแรกที่อเมซอนได้ขึ้นแท่นกลายเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก มีมูลค่า 796,800 ล้านดอลลาร์ โดยอันดับสองเป็นของไมโครซอฟท์ที่มีมูลค่า 783,400 ล้านดอลลาร์
ในช่วงเดือนกันยายน 2018 หุ้นของอเมซอนเพิ่มขึ้นสูงมากและทำให้บริษัทมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่สงครามการค้าทำให้เกิดความผันผวนหนัก และยังคงผันผวนต่อไปในอนาคต
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ล่วงหน้ามานานแล้วว่า อเมซอนจะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก และในที่สุดได้กลายเป็นความจริงในปี 2019
จุดเริ่มต้นของอเมซอน มาจากบริษัทอีคอมเมิร์ซขายหนังสือออนไลน์และได้ขยายธุรกิจออกไปกว้างไกลเหมือนแม่น้ำอเมซอน
นอกจาก E-commerce ที่โดดเด่นอย่างชัดเจน อเมซอนในวันนี้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในหลายสาขา คือ Cloud, Healthcare, Smart Devices
Cloud ของ AWS มีเว็บส์เซอร์วิสสำหรับนักพัฒนาทั่วโลกมากกว่า 140 อย่าง มีรายได้ต่อปีมากกว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ ครอบครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 40%
AWS มีสัญญาระยะยาวกับลูกค้ารายใหญ่จากบริษัทต่างๆทั่วโลก ซึ่งคงทำให้ธุรกิจโตได้อีกมากในอนาคต
Healthcare เป็นอีกอุตสาหกรรมที่อเมซอนกำลังเอาจริงเอาจังในปัจจุบัน การร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง เบอร์กไชร์และเจพีมอร์แกนเมื่อปีที่แล้วกลายเป็นข่าวดังสะเทือนวงการดูแลสุขภาพ
การประกันสุขภาพ โรงพยาบาล ยา ที่เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกและได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างเป็นกำไรมหาศาลกำลังร้อนๆหนาวๆในอนาคตของตัวเอง วันนี้เสียลูกค้าที่เป็นพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสามแห่งไปแล้ว ต่อไปอเมซอนจะขยายธุรกิจบริการด้านดูแลสุขภาพออกสู่บริษัทภายนอก และจะทำให้กลายเป็นการเติบโตที่ไร้ขีดจำกัด
Smart Devices หรืออุปกรณ์อัจฉริยะสารพัดอย่าง อเมซอนก็มีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง Alexa ของอเมซอนในปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดลำโพงอัจฉริยะที่กำลังกลายเป็นเครื่องใช้ภายในบ้านที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของบ้านยุคใหม่
อุตสาหกรรมอื่นๆของอเมซอนที่มีแนวโน้มดีในอนาคตยังมีอีกมาก เช่น โฆษณา การเงิน บันเทิง หุ่นยนต์ ท่องอวกาศ ฯลฯ
เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งอเมซอนได้ชื่อว่าเป็นดิสรัปเตอร์ตัวพ่อ พอเข้าไปเริ่มทำธุรกิจอะไรใหม่ก็ไปป่วนเจ้าตลาดเดิม ธุรกิจไหนมีมาร์จิ้นสูง อเมซอนมองว่าเป็นโอกาสธุรกิจ
แนวทางการทำธุรกิจของอเมซอนที่โดดเด่นกว่าใครและเข้าใจง่ายๆ คือ การโฟกัสที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
อเมซอนมีทีมบริหารที่แข่งแกร่งและโดดเด่นกว่าบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่อื่นๆ ผู้บริหารระดับสูงตัวหลักมีอยู่ประมาณ 20 คน ร่วมงานอยู่กับอเมซอนมานานนับสิบปี อัตราการไหลเวียนออกต่ำมาก
เจฟฟ์ เบโซส ผู้นำบริษัทเป็นคนที่มีใจเปิดกว้างและยอมรับฟังความคิดเห็นจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย อะไรที่เป็นเรื่องลบก็เอามาใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
สมัยที่อเมซอนเริ่มขายหนังสือใหม่ๆ และเริ่มเปิดโอกาสให้ผู้อ่านเขียนรีวิวประกอบเป็นข้อมูลให้กับผู้ที่คิดจะซื้อรายใหม่ได้ มีการโต้แย้งจากสำนักพิมพ์หลายแห่งเพราะกลัวการรีวิวในแง่ลบ แต่ เจฟฟ์ เบโซส ยืนกรานที่จะให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเปิดกว้างทุกแง่มุม ซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
อเมซอน เคยถูกโจมตีอยู่นานว่าเป็นบริษัทที่เอาเปรียบพนักงาน จ่ายค่าแรงไม่เป็นธรรม แต่ทีมผู้บริหารก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อข้อครหา และในที่สุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 อเมซอนก็มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใหม่เป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง พนักงานอเมซอนมากกว่าสามแสนคนได้รับค่าจ้างใหม่ โดยเป็นค่าแรงที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในอเมริกามากกว่าหนึ่งเท่าตัว
อเมซอนยังได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีดราม่าน้อยมาก เวลามีปัญหาอะไร จะไม่ค่อยได้ยินผู้บริหารบริษัทออกมาโอดครวญแก้ตัวให้เป็นข่าวดราม่าวุ่นวาย แต่จะมุ่งหน้าแก้ไข ตั้งหน้าตั้งตาเดินหน้าทำงาน ใช้ผลงานเป็นตัวบอกคุณภาพสินค้าและบริการ และในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในปัจจุบัน!!!
https://www.cnbc.com/2019/01/07/why-amazon-is-the-most-valuable-public-company.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Amazon_(company)
https://www.cnbc.com/2018/10/02/amazon-raises-minimum-wage-to-15-for-all-us-employees.html
https://paywizard.org/salary/minimum-wage
Amazon Maintains Smart Speaker Market Share Lead, Apple Rises Slightly to 4.5%