“ทุกคนมีโอกาสเท่ากัน ไม่มีผู้เชี่ยวชาญของวันพรุ่งนี้.. มีแต่ผู้เชี่ยวชาญของเมื่อวาน ไม่มีใครบอกได้ว่าพรุ่งนี้เป็นอย่างไร”

ช่วงปลายเดือนมกราคมของทุกปี เราจะได้เห็นผู้นำของโลกไปร่วมประชุมสัมมนากันในงาน World Economic Forum ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ปีนี้มีงานในช่วงวันที่ 22-25 มกราคม 2019

แจ็ค หม่า จากอาลีบาบา เข้าร่วมงานนี้ติดต่อกันมาหลายปีตั้งแต่ปี 2001 ในอดีตเขาเข้าร่วมงานในฐานะผู้ฟัง เป็นผู้ตามที่ต้องการติดตามแนวโน้มใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลก แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาเป็นผู้นำที่มีส่วนในการกำหนดทิศทางใหม่ๆของโลก

แจ็ค หม่า เล่าให้ฟังว่าในตอนที่มาร่วมงาน World Economic Forum ครั้งแรก ได้ฟัง บิล เกตส์ และผู้นำอีกหลายคนคุยอะไรหลายเรื่อง แต่สารภาพว่าไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่หลังจากกลับไป ได้ใช้เวลาคิดทบทวนและพบเจอกับสิ่งใหม่ๆเข้ามา ทำให้เข้าใจถึงสิ่งที่ผู้นำต่างๆของโลกพูดถึงมากขึ้น

ในการแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามกับผู้นำรุ่นใหม่ของโลกในงานนี้ แจ๊ค หม่า ยังมีคำแนะนำและข้อคิดที่น่าสนใจกับผู้คนอยู่เช่นเคย

ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานและโลกอนาคตที่ แจ็ค หม่า พูดถึงในคราวนี้ คือ…

“ในช่วงต้นของยุคอินเตอร์เน็ตปี 1999 ทุกคนมีโอกาสเท่าๆกัน ไม่มีใครเป็นผู้เชี่ยวชาญ…. แม้กระทั่งวันนี้ก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญสำหรับวันพรุ่งนี้…. มีแต่ผู้เชี่ยวชาญของเมื่อวาน… ไม่มีใครบอกได้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร”

“ผมมีกฎยึดถือว่า อย่ากลัว อย่าห่วงเรื่องการแข่งขัน… ถ้าห่วงเรื่องการแข่งขัน อย่ามาเป็นนักธุรกิจ”

“ที่จริงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น… ผู้คนทั้งโลกมีเรื่องห่วงกังวลมากมาย ห่วงเรื่องข้อมูล ห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัว ห่วงเรื่องความปลอดภัย”

“ความกังวลต่างๆของผู้คนกลายเป็นเรื่องดี เพราะหมายถึงมีโอกาสเกิดขึ้น… เรื่องเหล่านี้ไม่มีวันหมดไป… ช่วงเวลาของอินเตอร์เน็ตมาแล้ว โทรศัพท์มือถือมาแล้ว ข้อมูลมาแล้ว ไม่มีใครหยุดได้ ไม่ต้องไปกังวล…”

“มนุษย์มีความกังวล มีความสงสัย… คุณจะหาทางแก้ไขปัญหา…. เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อจะต่อสู้….มันทำให้วันพรุ่งนี้ดีขึ้น”

พื้นเพเดิมของ แจ็ค หม่า เป็นอดีตครู สำนึกในความเป็นครูที่พยายามถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา เขามองว่าระบบการศึกษายุคใหม่อยู่ในช่วงท้าทายอย่างหนัก ตัวเขาเองมีส่วนร่วมในการเตรียมพร้อมสร้างโรงเรียนยุคใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของอนาคต

โรงเรียนที่ แจ็ค หม่า สร้างมีตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมัธยมปลาย เขาไม่ได้เน้นการเรียนการสอนให้นักเรียนเก่งท่องจำ เก่งทฤษฎีเหมือนระบบเก่า แต่จะปลูกฝังให้ผู้คนมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดบวก รู้จักปรับตัว พร้อมเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะเกิดขึ้นมากมาย

แจ็ค หม่า และผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบาอีก 17 คน ไม่มีใครเรียนจบจากมหาวิทยาลัยดัง แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างไป คือ ความพร้อมที่จะเรียนรู้ เชื่อเรื่องอนาคต ถ้าได้ทำงานร่วมกันจะได้เรียนรู้ ถ้าได้ปรับปรุงตัวเองก็จะพร้อมรับมือกับอนาคต

แจ็ค หม่า ยืนยันว่าในยุคนี้ ไม่มีคนทำงานที่ดีที่สุด หรือพร้อมที่สุดที่จะมาทำงานได้ทันที แต่ต้องหาคนที่คิดว่าใช่ ได้ทำงานร่วมกัน ฝึกฝนเขา พัฒนาเขา และสร้างการทำงานเป็นทีม

เวลาจะจ้างใครมาทำงาน ต้องเลือกคนที่ฉลาดกว่าเรา ไม่จำเป็นว่าจะเป็นคนที่มีพื้นฐานการศึกษาดีจากมหาลัยดัง หรือเคยทำงานจากบริษัทใหญ่อย่าง กูเกิล อาลีบาบา เฟซบุ๊ค

คุณสมบัติข้อแรกของคนที่ควรจ้างมาร่วมงาน คือ ความฉลาด ถ้าโง่แล้วทำให้ฉลาดยาก จะให้ดีต้องฉลาดกว่าตัวคนจ้าง คิดว่าอีก 4-5 ปีจากนี้ เขาจะกลายเป็นนายเรา คิดแบบนี้ดีที่สุด

คุณสมบัติข้อที่สองเป็นเรื่องของบุคลิกส่วนตัว ต้องเป็นคนที่คิดบวกเสมอ และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

แจ็ค หม่า ยันยันหนักแน่นว่า ความฉลาด คิดบวก ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เป็นคุณสมบัติสำคัญของการทำงานยุคใหม่ ได้รับการพิสูจน์มาหลายปีแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จในหลายสาขาอาชีพ ล้วนเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เอาแต่พร่ำบ่นเรื่องปัญหารอบข้าง รู้จักปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองเสมอ

สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา ตลาดยังไม่เติบโต แจ็ค หม่า บอกว่ามันหมายความว่ายังมีธุรกิจให้ทำอีกมากมาย

ประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะทำให้เกิด Leapfrog หรือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของประเทศนั้น!

.

.

Leave a Reply