โลกไซเบอร์โดนโจมตีด้วยตัวตนปลอม และข้อมูลที่ไม่เข้ารหัส14,717ล้านครั้ง รหัสดิจิตอล+ไบโอเมตริก คือทางออก

องค์กรต่างๆทั่วโลก กำลังถูกโจมตีในโลกไซเบอร์อย่างเป็นประวัติการณ์

นับตั้งแต่ปี 2013 ถึงปัจจุบัน มีข้อมูลสูญหายหรือถูกขโมยไปแล้ว 14,717,618,286 ครั้ง

การใช้ตัวตนปลอม เป็นสาเหตุหลักที่ใช้โจมตี

69% ของเหตุการณ์การละเมิดเกิดจากโจรที่ใช้ตัวตนปลอม

95% ของความเสียหายเกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการละเมิดข้อมูลที่ไม่ได้เข้ารหัส

จำนวนข้อมูลในโลกไซเบอร์มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2010 – 2025 จะมีการใช้ข้อมูลดิจิตอลของบุคคลเพิ่มขึ้น 50 เท่า

องค์กรและลูกค้าจะต้องมีความไว้วางใจระหว่างกันในการทำธุรกรรมดิจิตอล หากไม่มีระบบป้องกันที่ปลอดภัยจะเป็นปัญหาอย่างมาก

Digital Identity และ Security หรือ การระบุตัวตนแบบดิจิตอลและระบบรักษาความปลอดภัยจึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพื่อความปลอดภัยในโลกยุคใหม่ ต้องสร้างระบบ Digital Identity และ Data Protection

ข้อมูลที่นำมาเสนอในคราวนี้ทั้งหมด ได้จาก Thales บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติฝรั่งเศสที่อยู่ในประเทศไทยมาแล้วนานกว่า 50 ปี

ลูกค้าที่ใช้บริการของ ทาเลส เช่น Bank of America, ING, Citi, ICBC, Barclays, Amazon Web Services, Microsoft, Sky, Nasdaq, Pfizer, Beckman Coulter, Samsung, Acer, Audi, Citroen, Peugeot, Philips

หน่วยงานของรัฐบาลหลายประเทศก็เป็นลูกค้าของ ทาเลส เช่น อเมริกา เกาหลี สหราชอาณาจักร อาฟริกาใต้ ไทย

การจ่ายเงินผ่านบัตรและอุปกรณ์สวมใส่ การจ่ายเงินดิจิตอล ธนาคารดิจิตอล ระบบความปลอดภัยของอีคอมเมิร์ซ ตั๋วโดยสารระบบขนส่ง โซลูชั่นการเข้ารหัส ต้องอาศัยเทคโนโลที่ตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

บัตรใบเดียวใช้ได้กับการขนส่งทุกระบบ ข้อมูลบัตรเครดิตหรือธนาคาร อาจไม่ต้องพกพาบัตรตัวจริงกันก็ได้ สามารถบันทึกข้อมูลเอาไว้ในสมาร์ตโฟนได้

ทุกวันนี้ ผู้คนทำธุรกรรมแบบออนไลน์เป็นหลัก โลกถูกเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว

ในกรณีของการรักษาความปลอดภัย ทางออกที่ใช้ป้องกันโจรในโลกไซเบอร์ที่ดีที่สุด คือ การแสดงตัวตนดิจิตอลด้วยการเข้ารหัส แล้วเสริมความมั่นใจว่าเป็นผู้ใช้ที่มีสิทธิจริงด้วยข้อมูลไบโอเมตริก เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือ ลูกตา ฯลฯ

สมาร์ตโฟนกลายเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้เชื่อมต่อกับโลกไซเบอร์ของคนทั่วโลก ซึ่งวันนี้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เทคโนโลยีที่มีอยู่ในแต่ละแอปหรือแพลตฟอร์มมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ทำธุรกรรมพร้อมๆกันได้ครั้งละมากๆ

โลกกำลังเข้าสู่ยุค 5G ที่ทุกอย่างจะเร็วขึ้นจากวันนี้ 10-20 เท่า จะเป็นยุค IoT อย่างแท้จริง

การระบุตัวตนด้วยการเข้ารหัส บวกกับการแสดงตัวตนด้วยข้อมูลไบโอเมตริกที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละคน กลายเป็นทางออกของการแก้ปัญหาจากโจรในยุคดิจิตอล

เคยมีคนพยายามเอารูปที่ไม่ใช่ตัวตนจริงไปหลอกระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้ระบบจดจำใบหน้า แต่ทำไม่สำเร็จ

บางครั้งจะถูก AI สั่งให้ทำอะไรแปลกๆเพื่อเช็คตัวตน เช่น อ้าปาก ยิ้ม ทำหน้าเศร้า หันหน้าด้านซ้าย หันหน้าด้านขวา ถ้าใช้รูปคงโดนสมองกลจับได้แน่ๆ

แต่โลกก็มีสองด้านเสมอ พวกผู้ร้ายก็หาอะไรใหม่ๆออกมาโกงระบบอยู่เสมอเช่นกัน……

Leave a Reply