ไทยจะฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างไร? เงินกู้ มีเท่าไร? มาจากไหน? ใช้ยังไง? -

วันที่ 15-04-2020 นายกรัฐมนตรีแถลงว่า เงินเยียวยาที่จะให้คนไทยที่เดือดร้อนคนละ 5,000 บาท นาน 3 เดือน มีงบประมาณจ่ายได้แค่เดือนเดียว ส่วนอีก 2 เดือน ต้องรอจาก พ.ร.ก. กู้เงินก่อน

วันที่ 17-04-2020 นายกรัฐมันตรีเปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะออกจดหมายเปิดผนึกส่งให้มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน ขอความร่วมมือ ถามว่าจะช่วยเหลือประเทศไทยให้มากขึ้นได้อย่างไร?

ทั้งสองข่าวทำให้เกิดข้อสงสัยตามมามากมาย?????????

สถานะทางเศรษฐกิจ สภาพการเงินการคลังของประเทศไทยเป็นอย่างไร?

มาตรการเยียวยา แก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้นจาก COVID-19 ทางการไทยในวันนี้ประกาศว่า มีงบประมาณวางไว้ประมาณ 2 ล้านล้านบาท คือ

-พ.ร.บ. โอนงบประมาณ มีเงินประมาณ 80,000 – 100,000 ล้านบาท

-พ.ร.ก. ธนาคารแห่งประเทศไทย 900,000 ล้านบาท (ให้เอสเอ็มอีกู้ 5 แสนล้าน, ช่วยอุ้มตราสารหนี้ 4 แสนล้านบาท)

-พ.ร.ก. เงินกู้ 1,000,000 ล้านบาท

ความจำเป็นเรื่องการตั้งงบประมาณมาเยียวยาช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจที่มีปัญหาในวันนี้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นสิ่งที่ต้องทำ

แต่การแบ่งสันปันส่วนการใช้งบประมาณเหล่านี้ ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องความเหมาะสมว่าควรเป็นอย่างไร? สิ่งที่กำลังจะทำเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยส่วนรวมมากน้อยแค่ไหน?

งบประมาณปี 2563 ที่มีวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท โอนงบประมาณมาได้เพียง 8 หมื่น – 1 แสนล้านบาท คิดเป็นตัวเลขที่โอนมาประมาณ 3% เท่านั้น

เงิน 4 แสนล้านบาท ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งกองทุน BSF ไว้อุ้มตราสารหนี้เป็นข้อถกเถียงเรื่องวิธีการและความเหมาะสม

-ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้าไปอุ้มโดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง อาจเป็นเพราะไม่มีสถาบันการเงินรายไหนอยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

-นับถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มียอดตราสารหนี้ไทยทั้งระบบประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท

-งบประมาณ 4 แสนล้านบาท ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้าไปอุ้มในตอนนี้ คือ ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในสิ้นปี 2563 เท่านั้น ตัวอย่างของธุรกิจบางประเภทที่จะได้รับประโยชน์จากการอุ้มชูในคราวนี้ เช่น สายการบิน โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ น้ำมัน ฯลฯ

-หากใช้เงิน 4 แสนล้านบาทช่วยอุ้มชูแล้ว ยังมีปัญหาอยู่อีก ในระยะยาว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีเงินอุ้มได้มากถึง 3.7 ล้านล้านบาทหรือไม่? หากมีบริษัทมหาชนในกลุ่มนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือไปแล้วยังไม่เพียงพอจะเป็นอย่างไร? ธนาคารแห่งประเทศไทยจะอุ้มชูต่อเนื่องได้นานแค่ไหน? มีคนเป็นห่วงกันมากว่าจะเหมือนสมัยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าแทรกแซงอุ้มค่าเงินบาทในยุคต้มยำกุ้ง!

เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จะมีการแบ่งไปใช้เป็น 2 ส่วน คือ

-6 แสนล้านบาท เอาไปเยี่ยวยาปัญหาโควิด-19 ช่วยเหลือ เกษตรกร ผู้ประกอบการ ประชาชนทั่วไป และให้งบประมาณเพิ่มเติมกับกระทรวงสาธารณสุข

-4 แสนล้านบาท ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงานใหม่ กระตุ้นการบริโภค ส่งเสริมการลงทุน

มีคนเดือดร้อนทุกกลุ่มทั่วประเทศ นักวิชาการและนักวิเคราะห์บางส่วนแนะนำให้ช่วยเหลือทั่วถึงสู่คนทุกกลุ่มที่มีความเดือดร้อนทั่วประเทศ แต่รองนายกรัฐมันตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ บอกว่าไม่มีงบประมาณมากพอ ถ้ากู้มาแจกเงินทั้งประเทศ ต้องกู้ยันตาย

จะเอาเงินกู้ไปใช้กับอะไรบ้าง? ใช้มากแค่ไหน? เป็นปัญหามากจริงๆ

แต่ยังมีปัญหาว่าจะเอาเงินมาจากไหน? มีเพียงพอกับการแก้ปัญหาระยะยาวหรือไม่?

ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของไทย ตามรายงานจากภาครัฐฯแจ้งว่า เรามีความแข็งแกร่งมาก ต้นปี 2563 มียอดรวมคิดเป็นเงินไทยประมาณ 6.8 ล้านล้านบาท หากในระยะยาวมีปัญหาเรื้อรังนานๆ จะเป็นอย่างไร?

กฎหมายไทยกำหนดไว้ว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต้องไม่เกิน 60% ของ GDP และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินไว้ว่า การกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทครั้งนี้ ยังทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับของสัดส่วนหนี้สาธารณะในปี 2564 ไว้ที่ 57%

หากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ยังไม่พอ และต้องกู้เพิ่มอีก ต่อไปคงต้องแก้กฎหมายเพดานสัดส่วนหนี้สาธารณะ!

รัฐบาลไทยเคยบอกว่าจะกู้เงินจากภายในประเทศ แต่วันนี้ไม่แน่ชัดแล้วว่าจะหาเงินกู้จากภายในประเทศได้เพียงพอหรือไม่?

ไม่รู้ว่าเศรษฐีไทยทั้ง 20 ท่าน จะมาให้ความร่วมมือช่วยเหลือรัฐบาลไทยได้มากน้อยแค่ไหน?

หรือจะหันไปพึ่งพา IMF ที่บอกว่าพร้อมจะช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหา COVID-19?

แต่วันนี้มีประเทศต่างๆประมาณครึ่งหนึ่งของโลกกำลังเข้าคิวรอขอความช่วยเหลือจาก IMF

ประเทศไทยจะหาแหล่งเงินกู้จาก IMF หรือแหล่งอื่นในต่างประเทศได้หรือไม่?

ตอนนี้มีแต่คำถามมากมายที่ไม่รู้ว่า จะหาทางออกอย่างไร?!?

คนไทยทุกคน คงต้องหาทางอยู่รอดด้วยตัวเอง…

https://www.matichon.co.th/politics/news_2145011

https://www.posttoday.com/finance-stock/news/620190

https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1823783

https://www.thairath.co.th/news/business/1822686