ในปี 2018 นาซ่าประกาศท้าทายวิศวกร ให้ออกแบบจรวดสำหรับภารกิจไปยังดาวอังคาร โดยตั้งโจทย์ว่า ต้องบรรทุกน้ำหนักอย่างน้อยได้ 1,000 กิโลกรัม และใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 45 วัน
SpaceX ของ Elon Musk ใช้เวลา 6 เดือน ในการเดินทางจากโลกไปดาวอังคาร จรวดต้องบรรทุกเชื้อเพลิงและสารเคมีที่หนักมากไปด้วย
การเดินทางลึกเข้าออกในระบบสุริยะที่ใช้เวลาขนส่งสั้นลง ช่วยลดผลกระทบจากรังสีคอสมิกและพายุสุริยะของดาราจักรให้เหลือน้อยลง
ในที่สุด มีวิศวกรจาก McGill University มีแนวคิดที่ยืนยันว่าทำได้จริง เรียกว่า Laser-thermal propulsion เป็นการใช้อาร์เรย์ของเลเซอร์อินฟราเรดที่อิงจากพื้นโลก ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตร ผสมผสานลำแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็นจำนวนมาก แต่ละอันมีความยาวคลื่นประมาณหนึ่งไมครอน รวมพลังที่ 100 เมกะวัตต์ เปรียบได้กับพลังงานไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนสหรัฐอเมริกาประมาณ 80,000 หลังคาเรือน
อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ คือ “ขี่เลเซอร์ไปดาวอังคาร”
(รายละเอียดทางเทคนิคมีอยู่ในบทความใน Acta Astronautica)
จรวดตามแนวคิดใหม่นี้ ไม่จำเป็นต้องขนเชื้อเพลิงหรือเคมีจำนวนมากติดไปกับจรวดด้วย แต่ใช้ฐานจากโลกยิงเลเซอร์ใส่จรวด ผลักดันให้จรวดเคลื่อนที่ไปดาวอังคารได้เร็วขึ้น
เลเซอร์อาร์เรย์ที่ใช้เป็นตัวส่งจรวด มีขนาดใหญ่ประมาณสนามวอลเลย์บอล
ลำแสงเลเซอร์สร้างความร้อนกับระบบการทำงานของจรวด ทำให้มันพุ่งออกได้ด้วยความเร็วเกือบ 17 กิโลเมตรต่อวินาทีเมื่อเทียบกับอยู่บนโลก สามารถใช้ความเร็วเดินทางผ่านดวงจันทร์ในเวลาเพียง 8 ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 45 วันถึงดาวอังคาร
เมื่อจรวดถึงชั้นบรรยากาศดาวอังคาร ยังคงเดินทางได้ด้วยความเร็ว 16 กิโลเมตรต่อวินาที แต่การขนส่งในวงโคจรรอบดาวอังคาร 150 กิโลเมตร ยังมีปัญหายากหลายเรื่องที่ทีมวิศวกรต้องแก้ไขให้ได้
การออกแบบมีความน่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ในช่วงแนวคิด
การทดลองในภาคปฏิบัติ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน แต่มันช่วยทำให้แผนการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารของมนุษย์ ใกล้ความจริงมากขึ้น!!