เมื่อวันจันทร์ที่ 15-06-2020 องค์กรด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ได้ลงนามสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับยักษ์เทคจีน 4 แห่ง คือ Alibaba, Tencent, Huawei และ Baidu
เป้าหมายหลักเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ด้านดิจิทัลของจีน เป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบมาจากการปิดเมืองช่วงหนีโคโรน่าไวรัส
พลังงานของรัฐบาลจีน มีแผนการยุทธศาสตร์จับมือกับ บริษัทเทค ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่น และสถาบันวิจัยอีกหลายแห่ง เพื่อช่วยกันสร้าง Digital Infrastructure ในภาคพลังงาน ซึ่งประกอบด้วย ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ อินเตอร์เน็ตเพื่ออุตสาหกรรม โครงข่าย 5G และ AI
การทุ่มเงินลงทุนคราวนี้ เป็นผลต่อเนื่องมาจากทิศทางด้านเศรษฐกิจที่กำหนดโดยรัฐบาลคอมมิสนิสต์จีนซึ่งนายกรัฐมนตรี นายหลี่ เคอเฉียง ได้ออกแถลงการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 โดยรัฐบาลกลางมีเงินอัดฉีดเศรษฐกิจเข้าไปในระบบมากถึง 3.6 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 15.8 ล้านล้านบาท
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เทนเซ็นต์ ประกาศแผนการลงทุน 5 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท สำหรับระยะเวลา 5 ปี เพื่อโครงสร้างพื้นฐานใหม่ด้านดิจิทัล โดยจะโฟกัสเทคโนโลยีด้าน Cloud Computing, AI, Blockchain และ IoT และรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ช่วยสนับสนุนด้าน Servers, Supercomputers, Data Centres และ 5G mobile networks
ในเดือนเมษายน 2020 อาลีบาบาแจ้งว่าจะมีการลงทุน 2 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 8 แสนล้านบาท สำหรับช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า มุ่งเน้นเรื่อง Cloud Infrastructure เพื่อช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของธุรกิจในประเทศจีน หลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
Baidu หรือ ไป่ตู้ ผู้ให้บริการ Search Engine อันดับสองของโลก มักจะถูกเรียกว่ากูเกิลจีน มีอะไรเกือบทุกอย่างที่กูเกิลทำ วันนี้กำลังพัฒนารถไร้คนขับซึ่งเป็นรถไฟฟ้าพลังงานสะอาด การจับมือกับไฟฟ้าของรัฐบาลจีนจะทำให้งานทุกอย่างเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น
ส่วน หัวเว่ย สมาร์ตโฟนเบอร์สองของโลก และเป็นเบอร์หนึ่งด้านอินเตอร์เน็ต 5G วันนี้โดนกีดกันในอเมริกาและบางประเทศในยุโรป แต่ด้วยความก้าวล้ำในเทคโนโลยีและต้นทุนถูกมากเป็นพิเศษ ถ้าใครเมินหัวเว่ย ต้องได้ใช้ของแพงแน่ๆ วันนี้ หัวเว่ย สามารถเร่งพัฒนาระบบในประเทศจีนได้เต็มที่
บริษัทเทคยักษ์ใหญ่แต่ละแห่ง ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจะทำอะไรกันบ้าง แต่ด้วยเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและแผนการลงทุนระยะยาวของแต่ละบริษัท มันต้องมีอะไรดีๆให้เห็นอีกมากตามมาแน่
ในช่วงวิกฤติโควิด-19 มีเทคโนโลยีหลายด้านที่มีผู้ใช้มากขึ้น เช่น Telemedicine, Online Education และ Unmanned Deliveries
การดูแลสุขภาพแบบไม่ต้องไปพบหมอ การเรียนหนังสือออนไลน์ และการขนส่งแบบไม่ต้องใช้คน เป็นเทคโนโลยีที่ใครๆก็เชื่อว่าจะได้รับความนิยมแน่ๆ และในยามที่คนส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้านหนีไวรัส เทคโนโลยีเหล่านี้ก็เลยกลายเป็นความจำเป็นที่ต้องเริ่มใช้เร็วยิ่งขึ้น
ปัญหาโควิด-19 ทำให้หลายๆประเทศยังตั้งหลักไม่ค่อยได้ แต่พี่ใหญ่จีนกำลังเล่นเกมรุก บุกทำโครงสร้างพื้นฐานใหม่ด้านดิจิทัล!!!