
ผลการวิจัยที่นำเสนอใน Nature โดยอ้างอิงจากข้อมูลดาวเทียมของ NASA พบว่าปริมาณน้ำใต้ดินจำนวนมากที่มนุษย์สูบขึ้นมา ส่งผลทำให้เกิดการกระจายมวลของโลก ทำให้ดาวเคราะห์ที่เราอยู่นี้ เอียงไปทางตะวันออกเล็กน้อย
ความเอียงของโลกเปลี่ยนไป 80 เซนติเมตร ระหว่างปี 1993 ถึง 2010 เป็นผลมาจากการสูบน้ำและน้ำมันขึ้นมาใช้จำนวนมาก
การนำน้ำบาดาลมาใช้ เป็นทรัพยากรน้ำที่ไม่ยั่งยืน และส่งผลเสียในระยะยาว ต้องหาแหล่งน้ำอื่นมาทดแทน เทคโนโลยีเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี และกำลังมีการพัฒนาอย่างจริงจัง
นอกจากน้ำกินน้ำใช้แล้ว ปัญหาใหญ่อีกส่วนมาจากการขุดเจาะน้ำมันจากใต้ดินมาใช้เป็นพลังงาน สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รถอีวีที่กำลังจะมาทดแทนรถใช้น้ำมัน จะช่วยลดปัญหาได้บางส่วน
โลกที่เอียงมากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อ รูปแบบภูมิอากาศ และระดับน้ำทะเล
มีโอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น พายุเฮิริเคน น้ำท่วม ภัยแล้ง ฤดูกาลการเพาะปลูกเปลี่ยนไป อุณภูมิที่ร้อนขึ้นอาจทำให้การแพร่ระบาดของโรค น้ำแข็งของโลกละลายมากขึ้น
สำหรับมนุษย์ เราสามารถมีส่วนร่วมช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้หลายทาง เช่น ปลูกต้นไม้มากขึ้น ใช้น้ำอย่างประหยัด ลดการปล่อยก๊าซมีเทน ลดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กินเนื้อสัตว์น้อยลง ฯลฯ
มนุษย์ต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง
ผลการวิจัยนี้ ดูเป็นเรื่องไกลตัว มันเป็นปัญหาในระยะยาว แต่หมายถึงการส่งต่อปัญหาไปให้คนรุ่นหลัง
“เด็ดดอกไม้สะเทือนไปถึงดวงดาว”
สูบน้ำ สูบน้ำมันมาใช้ ทำให้โลกเอียงได้!!!