
Startup อาจเรียกได้ว่าเป็นเถ้าแก่ยุค 4.0 เป็นกิจการที่เริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ แต่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด ขยายธุรกิจได้มาก ใช้เทคโนโลยีสร้างธุรกิจ
บิล เกตส์ (Microsoft) – สตีฟ จอบส์ (Apple) – มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Facebook) เป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพชื่อดังของโลก และสิ่งที่ทั้ง 3 คน มีเหมือนกัน คือ เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย และประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ทั้งสามคนเป็นบุคคลพิเศษเหนือคนทั่วไป และทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า ไม่ต้องเรียนจบปริญญา อายุยี่สิบกว่ามาเป็นสตาร์ทอัพ จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ง่ายๆ
ความจริงก็คือ ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีปริญญา และไม่ใช่คนที่มีอายุน้อย
การสำรวจหลายครั้งในหลายประเทศชี้ชัดว่า ผู้ก่อตั้ง Startup ที่มีอายุมากกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
อายุเฉลี่ยของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ คือ 45 ปี
ในการวิจัยปี 2018 พบว่า ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มที่จะสร้างบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ประมาณ 3 เท่า
ความเป็นจริง คือ 90% ของสตาร์ทอัพจะล้มเหลว
สตาร์ทอัพ 100 แห่ง อยู่รอดได้ 10 แห่ง เป็นบริษัทที่มีผู้ก่อตั้งอายุระหว่าง 18 – 29 ปี เท่ากับ 4% คือ 0.4 แห่ง
มีความเข้าใจผิดๆอีกเรื่องที่ได้ยินกันบ่อยๆว่า… มีไอเดียดีๆ เสนอเป็นโครงการในกระดาษเพียงไม่กี่แผ่น ก็จะมีนักลงทุนเอาเงินมาให้ทำธุรกิจ…
ความจริงของโลก ไม่ได้สวยงามแบบนั้น!!!
สาเหตุที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่มีอายุมากกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะคนกลุ่มนี้มีประสบการณ์มากกว่า และมีเงินทุนเริ่มแรกมากกว่าด้วย
ผู้ร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพใหม่ๆ มีบรรทัดฐานในการพิจารณาให้เงินทุน 2 เรื่องหลัก คือ
- ผู้ก่อตั้งและทีมงาน
- ความต้องการตลาดของผลิตภัณฑ์
เป้าหมายใหญ่ที่เป็นเส้นชัยของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพมีสองทาง คือ บริษัทโตแล้วขายบริษัท หรือ นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
งานหลักอย่างหนึ่งของสตาร์ทอัพ คือ การหาเงินมาหล่อเลี้ยงบริษัท ผู้ก่อตั้งอาจต้องใช้เวลาทำงานประมาณครึ่งหนึ่งในการหาผู้ร่วมลงทุน หรือรายงานผลการทำงานให้นายทุน
https://hbr.org/2018/07/research-the-average-age-of-a-successful-startup-founder-is-45
https://www.linkedin.com/pulse/research-average-age-successful-startup-founder-45-roman-%C8%99tirbu/